สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ ฟ็อกส์ บิสเนส ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนนี้คือ แต่ละประเทศทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง จะได้รับตัวเลข ที่สะท้อนมุมมองของสหรัฐฯต่อการจัดเก็บภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ กำแพงการค้าที่ไม่ใช่ภาษี การบิดเบือนค่าเงิน การอุดหนุนไม่เป็นธรรม และการกดขี่แรงงาน ตัวเลขที่บางประเทศได้รับ อาจจะค่อนข้างต่ำ บางประเทศอาจจะค่อนข้างสูง
แต่ขณะนี้เหลือเวลาราว 2 สัปดาห์เศษเท่านั้นก็จะถึงวันที่ 2 เมษายน เบสเซนต์ไม่ได้บอกว่าการคำนวณภาษีที่แตกต่างกันไปแต่ละประเทศ จะแล้วเสร็จทันเส้นตายหรือไม่ แต่เปิดช่องไว้ว่า คู่ค้าบางรายอาจหลีกเลี่ยงได้ หากยุติพฤติกรรมดังกล่าวที่กล่าวไป สหรัฐฯก็จะไม่ตั้งกำแพงภาษี เขายังมองแง่บวกว่า ในวันที่ 2 เมษายนนี้ สหรัฐฯอาจจะไม่ต้องเก็บภาษีศุลกากรบางส่วน เนื่องจากเจรจาทำความตกลงกันก่อนได้ หรือไม่ก็เป็นการที่ประเทศคู่ค้า รีบติดต่อพูดคุยกับสหรัฐฯทันทีที่ได้รับตัวเลขภาษีแล้ว
ทรัมป์ บอกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า 2 เมษายน จะเป็นวันปลดแอกของอเมริกา และยืนยันว่าจะนำความมั่งคั่งมหาศาลที่ถูกฉกฉวยไปจากสหรัฐฯกลับคืนมา
แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ และความไม่แน่นอนจากผลกระทบที่ตามมา เขย่าตลาดหุ้นมานานหลายสัปดาห์ กระพือความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจถึงขั้นถดถอย เมื่อถูกถามเรื่องนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ บอกฟอกส์ บิสเนสว่า เขาไม่สามารถรับประกันอะไรได้ แต่ที่รับประกันได้ก็คือ มองไม่เห็นเหตุผลที่สหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เบสเซนต์ย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังดี แต่ปฏิเสธให้หลักประกันว่า จะไม่มีภาวะชะลอตัวเกิดขึ้นในเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลกแห่งนี้ นอกจากนี้ เขาพูดถึงแนวคิดที่ว่า อาจมีการชะงัก หรือชะลอตัวชั่วคราวได้ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเปลี่ยนผ่านจากระดับการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่ยั่งยืน แต่รัฐบาลจะเดินหน้าลดการใช้จ่ายและนำภาคผลิตกลับสหรัฐฯต่อไป