“ครูพละ” วิทยาลัยดัง เพชรบุรี แจงไม่ได้ชู 3 นิ้ว เคารพธงชาติ เล่าเหตุถูกกลุ่มผู้ปกครอง – ศิษย์เก่าถือป้ายขับไล่

ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค.) นายธนพร แพทย์วงษ์ ครูคนดังกล่าว ได้ชี้แจงกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่า กรณีเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจกันในการปฏิบัติราชการ เนื่องจากในช่วงที่ปฏิบัติราชการ มีการตรวจสอบถึงพฤติกรรมที่ประพฤติมิชอบในสถานศึกษา ซึ่งอยู่ในช่วงที่หน่วยงานต้นสังกัดได้เข้าตรวจสอบ ซึ่งมีหลากหลายประเด็น โดยที่ทั้งสมาคมศิษย์เก่า และส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้มีการมาพูดคุยสอบถาม แต่มีการเข้าใจหรือมีการไปพูดต่อ โดยที่ไม่ได้มาสืบเสาะข้อเท็จจริง โดยตนเองได้รับราชการมา ไม่เคยมีพฤติกรรมที่ข้องเกี่ยวกับประพฤติข้องเกี่ยวกับการทุจริตทุกประการ โดยตนเองพบว่ามีการทุจริต เช่นการไม่จ่ายเงินค่าเครื่องแบบนักเรียนเป็นเงินสดให้กับนักเรียนเพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียน ซึ่งเป็นระเบียนที่รัฐบาลอุดหนุนให้กับเด็กนักเรียน ตั้งแต่ประถม จนถึง ปวช.แต่ทางสถานศึกษา ได้มีการดำเนินการในการหักเงินค่าใช้จ่ายส่วนนี้ โดยไม่มีการออกใบเสร็จรับเงิน โดยเด็กไม่ได้รับเงินในส่วนที่จะนำเงินไปซื้อค่าเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียนในส่วนที่จำเป็น ตนเองจึงตรวจสอบ จนมีการเกิดการตรวจสอบ

ส่วนประเด็นที่มีการร้องเรียน โดยปกติของหน่วยงานราชการจะไม่เปิดเผย ในข้อมูลของผู้ร้องอยู่แล้ว เฉพาะนั้นเราทำในหน้าที่ของเรา หน่วยงานราชการแต่ละหน่วย ทำตามหน้าที่ของหน่วยงานสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในการที่จะมีประเด็น ในการที่จะมีการจ้องจับผิดกันในองค์กร เฉพาะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจผิด เพื่อชุมนุมขับไล่ เป็นการเข้าใจผิด โดยมีการแอบถ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเป็นประเด็นในการประหัดประหารกัน

ส่วนกรณีที่ในคลิปมีตนเองทำท่าคล้ายชู 3 นิ้ว ขณะกำลังยืนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น คือ ตนเองได้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติ ร้องเพลิงสรรเสริญพระบารมี โดยมีคนแอบถ่าย ในคลิปจะเห็นว่าตนเองยืนหลุกหลิก กระดุ๊กกระดิ๊กอยู่แล้ว โดยมือของตนเองเองจะอยู่ข้างหลัง นิ้วไม่ได้ชู 3 นิ้ว หรือไขว่ แต่ขณะนั้นเองกำลังคันหลัง เกาหลังอยู่ โดยนิ้วชี้กำลังเกาหลังอยู่ นิ้วโป้งหุบอยู่ เนื่องจากตนเองเกิดอาการคัน เพราะเกิดอาการแพ้น้ำที่ใช้อาบ และอุปโภค ซึ่งเป็นน้ำที่ตักมาจากบ่อสูบในวิทยาลัย ที่ไม่มีระบบกรองแบบน้ำประปา ประกอบกับที่ตนเองมีบุคลิกอย่างนี้อยู่แล้ว โดยตนเองไม่มีเจตนาในเรื่องของการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความเป็นข้าราชการ จะต้องเป็นกลางทางการเมือง

ดังนั้นการกล่าวหาว่าตนเองเป็น 3 กีบ หรือเป็นคนละฝ่าย ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งตนเองมองว่าเป็นการดิสเครดิตกันอย่างยิ่ง ในการที่ตนเองเป็นผู้ตรวจสอบการทุจริต หรือการร้องเรียนอะไรก็ตาม ตามที่ถูกกล่าวหา จึงเป็นข้อมูลที่นำมาประหัดประหารกัน ซึ่งมีการนำข้อมูลส่งต่อไปให้บุคคลอื่น

หากตนเองทำผิดวินัยจริงๆ ตนเองคงต้องถูกตั้งกรรมสอบไปแล้ว โดยคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เปิดเทอมปีการศึกษา เดือนพฤษภาคม 2567