ชักเหิม “ทหารยิว” บุกภาคพื้นดินสาดกระสุน ลั่นเตือน “ฮามาส” ครั้งสุดท้าย!
ข่าวที่น่าสนใจ
กองทัพอิสราเอล ขยายปฏิบัติทางทหารในฉนวนกาซา หลังจาก โจมตีทางอากาศอย่างหนัก จนมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 470 ราย ใน 2 วัน ล่าสุด ยังเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดิน ด้วยการส่งทหารเข้าไปคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ที่เรียกว่า ระเบียงเน็ตซาริม กองทัพอิสราเอล ระบุว่า ได้เริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินแบบเจาะจงเป้าหมาย ในพื้นที่ทางตอนกลางกับใต้ของฉนวนกาซา เพื่อขยายเขตความมั่นคง และเพื่อสร้างแนวกันชนบางส่วน ระหว่าง กาซาเหนือ กับ กาซาใต้
ก่อนหน้านั้น อิสราเอล ออกคำสั่งให้ประชาชน ในพื้นที่กว้างใหญ่ 3 ด้านแถบชายแดน อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่กองทัพอิสราเอลกำหนด บ่งว่า จะมีปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้นในไม่ช้า คำสั่งอพยพทำให้ ชาวปาเลสไตน์ แตกตื่นขวัญเสียกันอีกครั้ง หลังจากต้องย้ายที่อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเพิ่งได้กลับบ้านในช่วงหยุดยิง
ตามข้อตกลงหยุดยิงในเดือนมกราคม อิสราเอล ถอนทหารออกจากระเบียงเน็ตซาริม แนวฉนวนสำคัญที่แบ่งกาซาออกเป็นสองส่วน คือกาซาซิตี้ ทางตอนกลาง และทางเหนือของกาซา กับพื้นที่ทางใต้ที่มีชายแดนติดกับอียิปต์
ด้านอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล แถลงผ่านคลิปวิดีโอ เพื่อสื่อสารถึงประชาชนในกาซา ที่อยู่ใต้การปกครองของฮามาสมาตั้งแต่ปี 2560 ว่า นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ขอให้รับคำแนะนำจาก ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่โดยดี … คือ ส่งมอบตัวประกันและขจัดฮามาส
เมื่อนั้น ชาวกาซา จะมีทางเลือกหลายทางรออยู่ รวมถึงความเป็นไปที่จะอพยพไปยังพื้นที่อื่นในโลกหากต้องการ ซึ่ง แคตซ์ อ้างถึงคำเตือนของทรัมป์ ก่อนหน้านี้ ที่บอกกับ ชาวปาเลสไตน์ ว่า มีอนาคตสวยงามรออยู่ข้างหน้า แต่หากยังกักขังตัวประกันไว้ต่อไป จะเผชิญกับความหายนะ
จนถึงขณะนี้ ฮามาส ยังไม่ตอบโต้ทางทหาร เจ้าหน้าที่ของฮามาส เปิดเผยว่า ยังพร้อมเจรจาหยุดยิงเฟส 2 ตามแผนการ 3 ขั้นตอน ที่ได้ตกลงกันก่อนหน้า แต่ไม่ยอมเปลี่ยนเงื่อนไขตามที่อิสราเอลและสหรัฐ เสนอ ซึ่งอิสราเอล ชี้เหตุว่า เป็นเพราะฮามาสไม่ยอมรับเงื่อนไขให้ขยายเวลาข้อตกลงหยุดยิงเฟสแรกออกไปและปล่อยตัวประกัน จึงต้องกลับมาถล่มทางอากาศ เพื่อใช้กำลังทหารกดดัน ส่วนสหรัฐ ก็โยนบาปให้ฮามาสต้องรับผิดชอบกับการเปลี่ยนเงื่อนไขฝ่ายเดียว
ทั้งนี้ ฮามาส ย้ำถึงการปฏิเสธของชาวปาเลสไตน์ ต่อความพยายามของอิสราเอล และ สหรัฐ ที่จะส่งผลให้ ชาวปาเลสไตน์ ถูกบังคับต้องอพยพออกจากฉนวนกาซา แถลงการณ์เมื่อวันพุธ ย้ำอีกครั้งว่า จะไม่มีการอพยพใด ๆ ยกเว้นไปยัง อัลกุฏส์ เมืองที่ถูกยึดครองอันศักดิ์สิทธิ์
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า “ชาวปาเลสไตน์ของเรา จะมั่นคงในดินแดนของพวกเขา ยึดมั่นในสิทธิ์ของพวกเรา และจะขัดขวางความพยายามทั้งหมด ในการอพยพโดยถูกบังคับ หรือสมัครใจ
ทั้งนี้ อิสราเอล ได้เข้ายึดครองพื้นที่ทางตะวันตกของอัลกุฎส์ ระหว่างสงครามที่ได้รับการสนับสนุนอย่างหนักจากตะวันตก เมื่อปี 2491 หลังจากนั้น อิสราเอล ก็เริ่มอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่ในปาเลสไตน์ และดินแดนในภูมิภาคอื่น ๆ
ขณะที่ ชาวปาเลสไตน์ ต้องการให้ มัสยิดอัลกุฎส์ ทางตะวันออก เป็นเมืองหลวงของรัฐเอกราชในอนาคต
ขณะที่ กัสซัน คาติบ นักวิเคราะห์การเมืองและอดีตรัฐมนตรีปาเลสไตน์ กล่าวว่า การเจรจาเฟส 5 ที่จะนำไปสู่การหยุดยิงถาวร ดูจะไม่ใช่ทางเลือกของอิสราเอลอีกต่อไป เพราะจะนำไปสู่การยุติสงครามโดยยังไม่บรรลุเป้าหมายทำลายฮามาส
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อิสราเอล ได้กลับมาโจมตีอีกครั้งในรูปแบบเดิม มีชาวปาเลสไตน์เกือบ 1,000 คน เสียชีวิตนับตั้งแต่การโจมตีทางทหาร อันโหดร้ายครั้งนี้เริ่มขึ้น โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ “จอร์เก้ โมเรรา ดา ซิลวา” ผู้อำนวยการบริหาร สำนักงานบริการโครงการแห่งสหประชาชาติ (UNOPS) ออกแถลงข่าวเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของทางหน่วยงาน ถูกสังหาร ภายในสำนักงาน UNOPS ในฉนวนกาซา
ซิลวา ระบุว่า เพื่อนร่วมงานของ UNOPS คนหนึ่ง ถูกสังหารในฉนวนกาซา หลังจากเกิดระเบิด ที่ เดียร์ เอลบาลาห์ นั่นคือที่ตั้งของ คอมเพล็กซ์ เกสต์เฮาส์ และอาคารสำนักงานของเรา ในฉนวนกาซา กองกำลังป้องกันอิสราเอล รู้จักสถานที่เหล่านี้เป็นอย่างดี และไม่มีการขัดแย้งกัน … ทุกคนรู้ว่า ใครกำลังทำงานอยู่ภายในสถานที่นี้ มีแต่เจ้าหน้าที่ของ UN ตนขอเน้นย้ำว่า สถานที่แห่งนี้ อยู่ในบริเวณที่ห่างไกล ไม่มีอาคารอื่นอยู่ใกล้ ๆ และเป็นสถานที่ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
ซิลวา ระบุต่อว่า สิ่งที่เรารู้ตอนนี้ก็คือ มีการทิ้ง หรือ ยิงวัตถุระเบิดไปที่โครงสร้างพื้นฐาน และเกิดการระเบิดภายในอาคาร มีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 5 ราย โดยนอกจากเพื่อนร่วมงานที่เสียชีวิตแล้ว เพื่อนร่วมงานอีก 5 ราย ยังสูญเสียดวงตาและขา และได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีในครั้งนี้
ทั้งนี้ในความเห็นของตน นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ มันไม่สามารถจัดเป็นอุบัติเหตุได้เลย เพราะอย่างน้อยก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ การโจมตีสถานที่ด้านมนุษยธรรม ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ บุคลากร และสถานที่ของสหประชาชาติ ต้องได้รับการปกป้องจากทุกฝ่าย
ขณะที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ก็ออกแถลงการณ์ระบุว่า สถานที่ตั้งสำนักงานของสหประชาชาติทั้งหมด เป็นที่ทราบกันดีของฝ่ายที่ขัดแย้ง ซึ่งผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่จะต้องปกป้องสำนักงานและรักษา ไม่สามารถละเมิดได้โดยเด็ดขาด ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต และตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 จนถึงขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่สหประชาชาติอย่างน้อย 280 ราย ต้องเสียชีวิตลงในฉนวนกาซา อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอล ปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีอาคารของสหประชาชาติ และอ้างว่า ไม่มีปฏิบัติการบริเวณที่ตั้งของสหประชาชาติเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น