“ดีอี” เผยสถิติระงับบัญชีม้า 1.3 ล้านบัญชี เคาะเร่งศึกษา มาตรการดูแลแพลตฟอร์ม “สตรีมมิ่งออนไลน์”

ดีอี เผยสถิติระงับบัญชีม้า 1.3 ล้านบัญชี เคาะเร่งศึกษา มาตรการดูแลแพลตฟอร์ม “สตรีมมิ่งออนไลน์”

“ดีอี” เผยสถิติระงับบัญชีม้า 1.3 ล้านบัญชี เคาะเร่งศึกษา มาตรการดูแลแพลตฟอร์ม “สตรีมมิ่งออนไลน์” – Top News รายงาน

ดีอี

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2568 ที่มีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นรองประธานกรรมการฯ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (BDE) นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดีอี เป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ ร่วมด้วยตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) ร่วมหารือเพื่อดำเนินงานการตามนโยบายปราบปรามภัยออนไลน์ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 

นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก โดยนายกฯ ได้ตอบกระทู้ข้อซักถามของสมาชิกผู้แทนราษฎร ในสภาฯ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันในการเยือนต่างประเทศ นายกฯ ได้ร่วมหารือเรื่องดังกล่าวกับผู้แทนประเทศต่างๆมาโดยตลอด รวมทั้งยังลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการดำเนินมาตรการปราบปรามฯ

สำหรับในการประชุมได้มีการพิจารณาผลดำเนินการและมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 6 เรื่องสำคัญ ที่มีผลการดำเนินงาน ถึง 17 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยสรุปได้ดังนี้

1.การปราบปรามจับกุมคดีอาชญากรรมออนไลน์ เดือน กุมภาพันธ์ 2568 (ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
– การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท ก.พ. 68 มีจำนวน 4,505 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 80.56 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 2,495 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีพนันออนไลน์ ก.พ. 68 มีจำนวน 2,069 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.45 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 1,064 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567
– การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า และความผิดตาม พรก.ฯ ก.พ. 68 มีจำนวน 325 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.42 เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 240 คนต่อเดือน ช่วงมกราคม – มีนาคม 2567

2. การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ (ปีงบประมาณ 68 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 – 28 ก.พ. 68)
– การปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ จำนวน 33,094 (URLs) หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 1,130 (URLs)
– การประสานแพลตฟอร์มเพื่อขอปิดกั้นเกี่ยวกับหลอกลวงออนไลน์ ที่มีคำสั่งศาล จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 7,338 (URLs) ที่ไม่มีคำสั่งศาล มีจำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 21,335 (URLs) (เฉพาะในส่วนของกระทรวงดีอี)

3. การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน

ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 28 ก.พ. 68 มีดังนี้

– AOC ระงับบัญชีชั่วคราว จำนวน 337,690 บัญชี ธนาคารระงับบัญชี 997,600 รวม 1,335,290 บัญชี
– ปปง. ทำการอายัดบัญชีไปแล้วจำนวน 732,798 บัญชี (ณ วันที่ 18 มี.ค. 68)

– มาตรการปลดบัญชีม้า ที่ประชุมได้เห็นชอบ ให้ ปปง. มีอำนาจให้การปลดล็อกบัญชี “ม้าดำ” ได้เพียงหน่วยงานเดียว ขณะที่การดำเนินการ ปลดล็อกบัญชี “ม้าเทา” จะเป็นหน้าที่ของ บช.สอท. โดยได้พิจารณาอนุญาตให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า หากมีมากกว่า 1 บัญชี สามารถยื่นเรื่องให้ บช.สอท. ดำเนินการปลดล็อกได้ หรือขอเปิดบัญชีใหม่ได้ 1 บัญชี เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เรียกว่า “บัญชีเพื่อการยังชีพ” ซึ่งบัญชีดังกล่าวจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้ โดยจะต้องโอน-เบิก-ถอนเงิน ที่ธนาคารเท่านั้น

– มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของกลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ปปง. ก.ล.ต. และ สมาคมผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ได้ร่วมหารือทำความเข้าใจเพื่อการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีม้า การประกาศรายชื่อ HR-03และแนวทางการพิจารณาการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องสงสัย เพื่อควบคุมการทำธุรกรรมของมิจฉาชีพผ่านธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ข่าวที่น่าสนใจ

4.การแก้ไขปัญหาซิมม้า ซิมบุคคลต่างด้าว

ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 28 ก.พ. 68 มีดังนี้

– การกวาดล้างซิมม้าและซิมต้องสงสัย โดย สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการยืนยันตัวตนและข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผลการดำเนินงาน มีดังนี้

(1) รายงานผลการดำเนินการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ บุคคลธรรมดา แบบเติมเงิน (Prepaid) ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป/วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2566 – 17 มีนาคม 2568 ถูกระงับบริการ (สะสม) จำนวน 233,338 เลขหมาย โดยมีผู้ใช้บริการกลับมาแสดงตน (สะสม) จำนวน 441 เลขหมาย และยังไม่มีการมาแสดงตนของผู้ใช้บริการ (สะสม) จำนวน 232,897 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค. 68)

(2) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 101 เลขหมายขึ้นไป โดยมีเลขหมายที่เข้าข่าย 5,078,283 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 4,273,918 เลขหมาย จำนวนเลขหมายคงเหลือต้องมายืนยันตัวตน 804,365 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 68)

(3) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ซึ่งมีเลขหมายที่เข้าข่าย 3,981,251 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว 2,424,402 เลขหมาย จำนวนเลขหมายคงเหลือต้องมายืนยันตัวตน 1,556,849 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 68)

-การลงทะเบียนผู้ใช้บริการที่ไม่มีสัญชาติไทย ให้ใช้เอกสารแสดงตนประกอบการลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งานซิมการ์ด โดยใช้หนังสือเดินทาง (Passport) เท่านั้น และให้มีการจำกัดการลงทะเบียนจำนวนไม่เกิน 3 เลขหมายต่อ 1 ผู้ให้บริการ รวมถึงได้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงการใช้งานเทคโนโลยีชีวมิติ (biometrics) ให้มีการใช้การตรวจสอบการปลอมแปลงอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยี “Liveness Detection” โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะต้องดำเนินการปรับปรุงระบบการลงทะเบียน ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่ง กสทช.มีมติ

-มาตรการ SMS แนบลิงก์ สำนักงาน ปปง. กสทช. สกมช. และผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้ดำเนินมาตรการลงทะเบียน sender name แล้วกว่า 100,000 Sender Name จากผู้ให้บริการ 42 ราย ( ลงทะเบียนแล้ว 25 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 ราย อีก 13 รายไม่มีการให้บริการข้อความแนบลิงก์)

5. การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
กสทช.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและกำหนดมาตรฐานความสูงของเสา และค่าความแรงของสัญญาณ โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือน มี.ค.68 จะสามารถตรวจสอบครอบคลุมในทุกพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งตรวจสอบการให้บริการโทรคมนาคมโดยสายสัญญาณ การลักลอบลากสายสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

6. การศึกษามาตรการควบคุมดูแล OTT แพลตฟอร์ม

ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ กสทช. และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) จัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาการพิจารณาออกมาตรการควบคุมดูแล แพลตฟอร์ม OTT (Over-The-Top) ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ รายการทีวี เพลง และพอดแคสต์ ได้โดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายหรือเคเบิลแบบดั้งเดิม ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยม ได้แก่ Netfix YouTube Disney+ TikTok และ Spotify ซึ่งพบว่าอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน

สำหรับเรื่องดังกล่าวจะมีพิจารณามาตรการหลัก 5 ด้านเพื่อเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งสำหรับผู้บริโภค ผู้ให้บริการ และเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม ดังนี้

(1.) มาตรการด้านความปลอดภัย
-ควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์และป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และกำหนดมาตรการยืนยันตัวบุคคลเพื่อป้องกันการใช้แพลตฟอร์มไปในทางที่ผิด

(2.) การออกระเบียบเพื่อกำกับด้านเนื้อหา
-ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถควบคุมเนื้อหาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม OTT ได้อย่างเป็นรูปธรรม
-กำหนดให้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในไทย ต้องขอใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานและกฎหมายของประเทศไทย
-ผลักดันแนวทางการกำกับดูแลร่วมกัน ไปสู่เวทีระดับนานาชาติ

(3.) การส่งเสริมด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล และการจัดเก็บภาษี
-การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเพื่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม
-กำหนดให้แพลตฟอร์ม OTT ที่มีรายได้จากผู้ใช้ในไทยต้องเสียภาษีในประเทศไทย
-ส่งเสริมการสร้างมูลค่าจากธุรกิจดิจิทัลภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

(4.) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
-กำหนดให้แพลตฟอร์ม OTT ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น GDPR ของยุโรป
-ควบคุมการเก็บและการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว

(5.) การกำกับดูแลด้านการแข่งขัน
-ป้องกันการผูกขาดของแพลตฟอร์ม OTT ขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
-สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มท้องถิ่นและการกระจายอำนาจในตลาด

“โดยภาพรวม กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ บัญชีม้าและซิมม้า และเร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งการระงับบัญชีม้า ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขความเสียหายลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันความคืบหน้าของการพิจารณา ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งปรับปรุงกฎหมายเพิ่มเติม ขณะนี้การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาใกล้แล้วเสร็จ โดยกระทรวงดีอี เตรียมหารือร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย ธปท. กลต. ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก. ที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป” รองนายกประเสริฐ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วันนี้ทุบทางเท้าเก่า! กทม. เดินหน้าต่อเนื่อง ปรับปรุงภูมิทัศน์ตลาดคลองเตย 1 หลังปิดฉากแผงค้าและรื้อถอนสิ่งกีดขวาง คืนทางเท้าให้ชาวคลองเตย
มูลนิธิซีพี – พม. ร่วมเปิดบ้านโครงการครอบครัวอุปการะฯ “สร้างอนาคตเด็ก เสริมชุมชนเข้มแข็ง สู่สังคมยั่งยืน” พร้อมขยายโครงการสู่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
CPF-KSP Run For Charity วิ่งดีต่อกาย ดีต่อโลก รับประกาศฯ Carbon Neutral Event
ศูนย์คุณธรรม(องค์การมหาชน) จับมือ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กไทย ด้วยโครงการพัฒนาครอบครัวพลังบวก
อุกอาจ! คนร้ายกระหน่ำยิงบ้าน "สจ.คนดัง" เมืองอุทัยฯ หลายสิบนัด ตร.เร่งล่าตัว
“นายกฯ” ถก “ผบ.สส.” เร่งแก้ปัญหาชายแดน สกัดขบวนการทำผิดกฎหมาย
"ชิดชนก" ชวนเที่ยว "Colors of Buriram 2025" มหกรรมผ้าไหมหายาก ประติมากรรม "ดอกสะแบง" ยิ่งใหญ่
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ศิลปินจีนสร้างสรรค์ 'ภาพวาดล่องหน'
จีนรับสมัครบัณฑิตมหา'ลัยชั้นนำร่วมงาน 'ทหาร-ตร.ติดอาวุธ'
เรียนรู้ความสำเร็จแก้ปัญหา "ปลาหมอคางดำ" จากทั่วโลก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น