งานเข้าอีก! บริษัทรับจำนำ “สร้อยบุลการี” แจ้งความ  “ดิว อริสรา” ข้อหาฉ้อโกง

แต่ทางบริษัทฯ รับมาเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นของนางสาว อริสรา ส่วนราคาถูกไปหรือไม่นั้น กรณีดังกล่าว ทางบริษัทฯ พิจารณาตีเป็นของมือสอง ซึ่งเป็นราคารับฝากสินค้าได้สินเชื่อ 7 ล้านบาท เผื่อให้เจ้าของถ่ายสินค้าคืนได้ และที่ผ่านมา นางสาว อริสรา ได้ส่งดอกเบี้ยตรงมาโดยตลอด จนถึงเดือนมีนาคม แต่จำตัวเลขไม่ได้ ซึ่งทางบริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ร้อยละ 15 ต่อปี การเซ็นรับสภาพหนี้ต้องดูสัญญาว่าเป็นหนี้ไหม แต่เป็นการหลอกลวงตั้งแต่แรกต้องคุยกันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีแพ่ง ยืนยันว่าไม่ได้คุยรายละเอียดรับสภาพหนี้ แต่ขอร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา และการแจ้งความ คือการดำเนินคดี ไม่ได้กดดัน แต่หากมีขั้นตอนการเจรจาพูดคุย แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เจ้าตัวควรบินกลับมาไทย ควรเป็นรูปแบบนั้น ซึ่งขณะนี้เงินต้นค้างยังคงค้างไว้เต็มจำนวน

สำหรับประเด็นการรับของโจรนั้น ต้องพิจารณาตั้งแต่วันแรกว่ารู้หรือไม่ว่าไม่ใช่ของ ดิว อริสรา ถ้ารู้ว่ากระทำความผิด โดยที่ไม่เจ้าของ ก็ถือว่าผิด แต่ยืนยันว่าทางบริษัทไม่ทราบว่าเป็นของคนอื่น ส่วนกรณีที่ ดิว อริสรา มีความสัมพันธ์กับเจ้าของเดิมนั้น มีความสัมพันธ์ให้ยืมของกันด้วย ข้อกฎหมายกับบริษัทฯ ในเรื่อง “รับของโจร” ยังไปไม่ถึง กรณีนี้ เป็นกรณีแรกของบริษัท ถ้าเจ้าของอยากรับของคืน ต้องให้ ดิว อริสรา เข้ามาคุยกัน 3 ฝ่าย คดีเพียงแค่นี้ ทำให้เสียหายนิติกรรมตัวนี้เท่านั้น ไม่ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่อง ส่วนเอกสารนำเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวน มีหนังสือรับรองบริษัท , หนังสือมอบอำนาจให้ตัวแทน , สัญญา 4 ฉบับ , ภาพถ่ายสร้อยคอ , หลักฐานการโอนเงินให้ ดิว อริสรา และราคาดอกเบี้ย