“วิโรจน์” ซัด “นายกฯ” ทำนิติกรรมอำพราง ใช้ตั๋ว PN เลี่ยงภาษี 218.7 ล้าน

"วิโรจน์" แฉ นายกฯอิ๊งค์" ทำนิติกรรมอำพราง ออก "ตั๋ว PN" ให้เครือญาติเพื่อหนีภาษีโอนหุ้น 9 ปี รวม 218 ล้านบาท - ซัดจ่ายภาษีตามหน้าที่พลเมืองไม่ได้ เราจะไว้วางใจให้เป็นนายกบริหารประเทศได้อย่างไร

“วิโรจน์” ซัด “นายกฯ” ทำนิติกรรมอำพราง ใช้ตั๋ว PN เลี่ยงภาษี 218.7 ล้าน – Top News รายงาน

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่ในการพิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้เสนอ

โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปราย การทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยง ‘ภาษีการรับให้’ มาตั้งแต่ปี 2559 ของนายกรัฐมนตรี ว่า​​แต่เดิมก่อนที่จะมี ‘ภาษีการรับให้’ การจะโอนหุ้นไปให้คนนั้น จะซุกหุ้นไว้กับคนนี้ ยักย้ายถ่ายเทกันไปมา ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ภาษีสักสลึงก็ไม่ต้องเสีย แต่พอมีการแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากรในส่วนของ ‘ภาษีการรับให้’ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2558 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 หมายความว่าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(27) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะ หรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น หมายความว่าลูกให้แม่ แม่ให้ลูก ถ้าเกิน 20 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีในอัตรา 5% และในมาตรา 42(28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี จากบุคคลซึ่งไม่ใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท หมายความว่าพี่ให้น้อง น้องให้พี่ ลุงให้หลานหลานให้ลุง ถ้าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษี ในอัตรา 5% เช่นเดียวกัน

นายวิโรจน์กล่าวต่อไปว่า มนุษย์มนาทั่วไปที่พอจะมั่งมีเสียหน่อย เวลาจะให้ใคร ถ้าไม่อยากจะจ่ายภาษีการรับให้ ก็จะทยอยให้ปีละไม่เกิน 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท ถ้าอยากจะให้ทั้งก้อนตัดจบไปเลย ส่วนที่เกินก็ต้องจ่ายภาษีการรับให้ แบบตรงไปตรงมา 5% แต่แทนที่นายกฯ จะทำเหมือนกับที่มนุษย์มนาทั่วไปเขาทำกัน กลับมีพฤติกรรมใช้ช่องว่างทางกฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ มาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา โดยเรื่องนี้สามารถแกะรอยได้จากบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. พบว่าเป็นลูกหนี้อยู่ 9 รายการ มูลค่าหนี้สินรวม 4,434.5 ล้านบาท พอมาดูที่รายละเอียดของเอกสารประกอบ หนี้สิน 9 รายการที่ว่า มูลค่าสูงถึง 4,434.5 ล้านบาท กลับมีเอกสารแนบมาเพียงแค่ 9 แผ่น รายการละ 1 แผ่น ดังนั้นหนี้สินของนายกฯทั้ง 9 รายการที่ระบุเอาไว้ที่บัญชีทรัพย์สิน ที่มีเอกสารแนบแค่ 9 แผ่น รายการละแผ่น จึงไม่ใช่หนี้ที่อยู่ในรูปแบบของสัญญาเงินกู้แน่ๆ แต่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN ซึ่งเป็นหนี้สินที่นายกฯซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ แบบ “ซื้อเชื่อ” แล้วออกตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน

“รายงานข่าวระบุว่าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบนี้ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีเงื่อนไขสุดว้าวมาก คือจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นเมื่อทวงถาม หมายความว่าหนี้สินทั้ง 9 รายการจากการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ เป็นหนี้สินที่ไม่มีกำหนดว่านายกฯต้องจ่ายค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวงก็ไม่ต้องจ่าย ลืมไปได้เลยว่าเคยเป็นหนี้ เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มีใครคิด ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยอะไร พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ในกงสีก็เป็นเจ้าหนี้ที่แสนดีมากๆ ยอมนอนกอดกระดาษ 9 แผ่น โดยที่ไม่รู้ว่าเงิน 4,434.5 ล้านบาท จะได้คืนวันไหน”

ถ้าตั๋ว PN ทั้ง 9 ใบ มีรายละเอียดตามที่ผมว่า ก็แสดงว่าการซื้อหุ้นของแพทองธาร ชินวัตร จากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ในครั้งนี้ ต้องสงสัยว่ามีการใช้ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือในการทำนิติกรรมอำพราง ทำธุรกรรมการซื้อปลอม ตบตาการได้หุ้นจากการให้ เป็นการซื้อหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ ที่ต้องจ่ายให้กับแผ่นดิน เป็นพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนเอาเปรียบสังคม เม้มผลประโยชน์ของชาติ บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญ(4)และ(5) ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และรัฐธรรมนูญในหมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทยในมาตรา 50 (9) ระบุชัดเจนว่าบุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากรัฐธรรมนูญในมาตรานี้ และโดยสำนึกแล้วคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของการเสียภาษีด้วยซ้ำ และในหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มาตรา 62 ระบุอีกว่ารัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมี เสถียรภาพ และมั่นคงยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง และจัดระบบภาษีให้ความเป็นธรรมต่อสังคม ถ้านายกรัฐมนตรียังทำตัวหนีภาษีความเป็นธรรมในเรื่องภาษีจะเกิดขึ้นกับประชาชนได้อย่างไร

การที่คนรวยบางกลุ่มบางก้อนใช้ช่องว่างในการหลบเลี่ยงภาษีซ้ำร้ายในหลายๆกรณีเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการหลีกเลี่ยงหรือการหนีภาษีด้วยซ้ำจึงทำให้ภาระการเสียภาษีส่วนใหญ่ของประเทศไทยตกอยู่กับมนุษย์เงินเดือน ชนชั้นกลาง ประชาชนชาวรากหญ้า ที่กลไกการจัดเก็บภาษีของรัฐ ทำให้พวกเขาต้องจ่ายภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า จุดแตกต่างระหว่าง ‘การได้หุ้นจากการให้’ กับ ‘การซื้อหุ้น’ ก็คือ ถ้าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หุ้นมาจากการให้ของ พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ต้องเสีย ‘ภาษีการรับให้’ ให้กับรัฐ แต่ถ้านายกรัฐมนตรี ซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ นายกฯก็ไม่ต้องจ่ายภาษีเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว และเนื่องจากหลักเกณฑ์การรับรู้รายได้ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะใช้เกณฑ์เงินสด ซึ่งรายได้จะถูกนับเป็นเงินได้พึงประเมิน ก็ต่อเมื่อมีการรับเงินสดจริง  ดังนั้นการที่นายกฯ จ่ายค่าหุ้นที่ซื้อด้วยตั๋ว PN ที่ไม่ได้มีการจ่ายเงินกันจริง จะจ่ายกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลยแม้แต่บาทเดียว และต่อให้มีการจ่ายค่าซื้อหุ้นกันในภายหลัง พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาอยู่ดี เพราะตามมาตรา 40(4)(ช) ของประมวลรัษฎากรกำหนดว่า รายได้จากการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะส่วนเกินจากมูลค่าหุ้น (Capital Gain) หรือกำไรจากการขายหุ้นเท่านั้น จึงจะถูกนับเป็นเงินได้พึงประเมิน ดังนั้นหากกงสี ขายหุ้นให้นายกฯในราคาพาร์ หรือราคาทุน พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลย สลึงเดียวก็ไม่กระเด็นออกจากกงสี และเมื่อคำนวณรวมแล้ว นายกฯใช้ตั๋ว PN สร้างหนี้ปลอม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้เป็นเงินสูงถึง 218.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ อภิปรายทิ้งท้ายว่า “หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ในมาตรา 50(9) ของรัฐธรรมนูญ ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า บุคคลมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติ ลำพังแค่จะทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทย นายกฯ ยังทำให้ดี ทำแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ แล้วจะมีหน้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีของประชาชนคนไทยได้อย่างไร

พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงภาษีของ นายกฯสะท้อนได้ว่าคนๆ นี้ ไม่มีความยึดมั่นในกฎหมายเลย วันๆ คิดแต่จะหาช่องหาหลืบของกฎหมาย กระทำการอย่างไร้ความละอาย เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง เอารัดเอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบประเทศชาติ นายกฯหนีภาษีแบบนี้ หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ไม่ใช่แค่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง แต่ถึงขั้นเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของประเทศชาติ เราจะบอกกับประเทศอื่นๆ ยังไง ว่าประเทศไทยของเรามีนายกหนีภาษี รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

 

ทั้งนิติกรรมอำพราง ที่ใช้ตั๋ว PN หนีภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท ย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า คนอย่างนายกฯมีแต่ความทุจริตเป็นที่ประจักษ์ วันๆ เอาแต่เสาะหาช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อตักตวงผลประโยชน์ให้กับตนเอง จุ๊บๆ จิ๊บๆ ก็เอา เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เว้นหนีภาษีแบบนี้ ไม่ใช่แค่เป็นนายกไม่ได้นะครับ เป็นแค่คนปกติก็ยังเป็นไม่ได้ น.ส.แพทองธารไม่ใช่แค่ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะลุก เดิน ยืน นั่ง ในทำเนียบรัฐบาล แม้แต่ตามถนนหนทาง ตามตรอกซอกซอย ในประเทศนี้ คนหนีภาษีอย่างน.ส.แพทองธาร ก็ไม่มีหน้าที่จะเดินหน้าตั้ง คอตรง สู้หน้าประชาชนได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ผมอยากรู้จริงๆ ว่าคนหนีภาษีอย่างนายกฯ ยังจะกล้าแบกหน้าไปนั่งประชุมนั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติอยู่อีกหรือ

พฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีของนายกฯ หลังจากนี้จะต้องมีการร้องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แน่ๆ ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจตามมาตรา 234 ของรัฐธรรมนูญ ในการไต่สวนและมีความเห็นต่อกรณีที่แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และพิจารณาส่งสำนวน และความเห็นของ ป.ป.ช. ไปที่ศาลฎีกาต่อไป ผมเชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้นายกฯก็ไม่รอด

ตนเป็นห่วงก็แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะยกมือไว้วางใจคนอย่างน.ส.แพทองธาร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะในหมวด 2 ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 19 การคบหาสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนไปร้อง สส.ที่ยกมือให้น.ส แพทองธาร ก็อาจจะเข้าปิ้งตายตกตามน.ส.แพทองธารไปด้วย

น.ส.แพทองธาร การเสียภาษีอย่างถูกต้อง เป็นหน้าที่พื้นฐานที่สุด คนๆ นี้ ยังทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ ประชาชนเขาฝากความหวังไว้กับผู้นำ แต่กลับได้โจรใส่อาภรณ์ขุนนางสวมรองเท้าไข่มุก ปากที่ตัวเองเคยพูดว่ามีกินมีใช้ ไปพร้อมๆ กัน ที่แท้ก็คือการหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้มีกินกันเฉพาะกงสี ให้ได้อิ่มหมีเฉพาะตระกูล นายกหนีภาษี ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกแล้ว”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สภาฯเดือด "เพื่อไทย-ปชน." ประท้วงวุ่น หลัง "สส.ชยพล" โชว์ผังไอโอกองทัพ พาดพิงสถาบันฯ "พิเชษฐ์" สั่งให้หยุดอภิปรายทันที
"กรมที่ดิน" ชี้แจงการออกโฉนดที่ดินโรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่-โครงการแรนโช ชาญวีร์
“พิพัฒน์” เล็งขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท รอบใหม่ เริ่มมีผล 1 พ.ค.นี้
PEA แจงการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าในเมียนมา ไม่ได้ล่าช้า
“Top News” ปลาบปลื้ม "สันติสุข" นำทีมเข้ารับพระราชทาน 3 รางวัล “เทพทอง” ครั้งที่ 23
"อธิบดีกรมสรรพากร" แจงแล้ว ปม "นายกฯ" โดนฝ่ายค้าน แฉออกตั๋ว PN ซื้อขายหุ้นเลี่ยงภาษี
"กรมที่ดิน" แจงปมเอกสารสิทธิ์ "นิคมสร้างตนเอง" ลำตะคอง ยันรร.เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ มีโฉนดถูกต้อง
"นายกฯ"สวนคำ "โรม" ถล่มปมชั้น 14 ลั่นไม่มีดีลปีศาจ โอดตอนเกิดเหตุ ยังไม่มีตำแหน่ง เป็นแค่ลูกสาว
จีน-ไทยเตรียมซ้อมรบร่วมทางทะเล
จีนซัดสหรัฐก้าวก่ายกิจการเวเนซูเอล่า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น