โทมัส แอนดรูส์ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติ ออกแถลงข่าวที่กรุงเจนีวา ระบุว่า ตอนนี้สถานการณ์ในเมียนมากลับเลวร้ายลงแบบทวีคูณ ไม่ใช่เพราะคณะทหาร แต่เป็นเพราะพวกเราเอง ชุมชนระหว่างประเทศ เพราะการถอนการสนับสนุนอย่างวุ่นวาย โดยกะทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัฐบาลสหรัฐ กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อประชาชนชาวเมียนมา

แอนดรูส์ กล่าวต่อว่า คำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของโครงการช่วยเหลือ ควรได้รับการแก้ไข เช่นเดียวกับความกังวลเกี่ยวกับการแบ่งเบาภาระ แต่เรื่องนี้กลับไม่เกี่ยวกับทั้ง 2 อย่างเลย เหตุผลเบื้องหลังการตัดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเมื่อเร็วๆ นี้ก็คือ การแถลงข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จอย่างชัดเจน เกี่ยวกับการทุจริต และการละเมิดสิทธิ์ รวมถึงการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย โดยมีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่การเกิดความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ของชาวเมียนมา และการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

การประกาศตัดงบโครงการอาหารโลกเมื่อไม่นานนี้ อาจทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายลงไปอีก ขณะนี้ ปัญหาความอดอยากกำลังจะเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ ประชาชนในเมียนมา ยังสูญเสียการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยผู้ป่วย HIV บางราย ไม่มียารับประทานในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการด้านสุขภาพที่นี่ ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐเป็นส่วนใหญ่ นี่คือหายนะที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเลย และมันโหดร้ายมาก

แอนดรูส์ ได้แสดงการคาดการณ์ด้วยว่า สภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคงเหล่านี้ จะบีบบังคับให้ผู้คน ตกอยู่ภายใต้การแสวงหาประโยชน์ทางเพศ, การค้ามนุษย์, และจะทำให้มีผู้คนหลั่งไหลข้ามพรมแดนเมียนมา เข้าสู่บังกลาเทศ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน หรืออาจจะอพยพออกไปไกลกว่านั้น ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เมียนมามีประชาชนเผชิญการอพยพมากกว่า 3.5 ล้านคน และครึ่งหนึ่งของประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศ ก็อยู่ในสถานะที่ยากจน

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้สั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมด เป็นเวลา 90 วัน เพื่อรอการตรวจสอบว่า โครงการช่วยเหลือที่มีนั้น มีความสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศ ที่เน้นให้อเมริกาต้องมาก่อนหรือไม่