เจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการนิตยสาร “ดิ แอตแลนติก” (The Atlantic) เปิดเผยผ่านรายงานความยาวเกือบ 3,500 คำ เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น (24 มีนาคม) ว่า บรรดาผู้นำระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เผลอดึงเขาเข้าไปในกลุ่มแชตแอปพลิเคชั่น ซิกนัล ( Signal ) ที่ พีท เฮกเสธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ไมเคิล วอลตซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ หารือกันเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในเยเมน โกลเบิร์ก ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง กระทั่งระเบิดลงเยเมน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรื่องการโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน เมื่อวันที่ 15 มีนาคม แต่บก.ข่าว ดิ แอตแลนติก รู้ก่อนหลายชั่วโมง ข้อมูลความมั่นคงรั่วไหลอาจเสียหายใหญ่หลวง หากโกลเบิร์กเผยแพร่รายละเอียดแผนการโจมตีล่วงหน้า แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เพิ่งมารายงานเมื่อวานว่า เฮกเสธ รัฐมนตรีกลาโหม ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐฯจะใช้ และลำดับการโจมตี เข้าไปในกลุ่มแชต ข้อความของเฮกเสธ ระบุว่า การถล่มเยเมนครั้งแรกจะเกิดขึ้นเวลา 13 นาฬิกา 45 นาทีตามเวลาตะวันออกสหรัฐฯ และการโจมตีก็เกิดขึ้นจริง
โกลเบิร์ก ระบุว่า เขาถูกดึงเข้ากลุ่ม 2 วันก่อนหน้านั้น และเห็นข้อความจากบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนี้ โดยวันที่ 14 มีนาคม รองประธานาธิบดีแวนซ์ เขียนแสดงความสงสัยเรื่องการโจมตีฮูตี โดยบอกว่า เขาเกลียดการเข้าไปช่วยเหลือยุโรปอีกครั้ง เพราะประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือในทะเลแดง เป็นยุโรปมากกว่าสหรัฐฯ ขณะที่วอลตซ์ กับเฮกเสธ แย้งว่าก็มีแต่สหรัฐฯเท่านั้นที่มีศักยภาพโจมตีได้ และเฮกเสธเห็นด้วยกับแวนซ์ที่ว่า เขาก็เกลียดยุโรปที่ถนัดแต่รับของฟรี “มันน่าสมเพช”
ส่วนคนที่ใช้ชื่อว่า “S M” ซึ่งน่าจะเป็น สตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า “หากสหรัฐฯฟื้นเสรีภาพการเดินเรือได้สำเร็จด้วยต้นทุนมหาศาล สหรัฐฯก็จะต้องได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นการตอบแทน” นอกจากนี้ ในห้องแชต จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง หรือ CIA ยังส่งข้อมูลที่อาจตีความได้ว่า เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการข่าวกรองในปัจจุบัน
บัญชีผู้ใช้ที่อยู่ในกลุ่มแชตนี้ ยังมี มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ , ทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ , สกอต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ , ซูซี ไวลส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติอีกหลายคน แม้กระทั่ง โจ เคนต์ ที่ทรัมป์เสนอชื่อเป็นผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวกรองแห่งชาติ ก็อยู่ในนี้ด้วย ทั้งที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา
ข้อมูลความมั่นคงรั่วไหล เรียกเสียงประณามจากพรรคเดโมแครต ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุว่า นี่เป็นการละเมิดด้านข่าวกรองทหารที่น่าตื่นตะลึงมากที่สุดครั้งหนึ่ง เท่าที่เขาเคยอ่านมานานมาก และเขาจะขอให้ จอห์น ทูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เปิดสอบสวนอย่างรอบด้าน เอลิซาเบท วอร์เรน ส.ว.เดโมแครตคู่ปรับทรัมป์ โพสต์ X ว่าการใช้แอป ซิกนัล หารือประเด็นความมั่นคงอ่อนไหวระดับสูง ผิดกฎหมายและอันตรายอย่างยิ่ง ส่วน ส.ว.คริส คูนส์ จากเดโมแครตเช่นกัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลในกลุ่มแชตนี้ทุกคนต่อให้ไม่ตั้งใจ แต่ก็ถือว่าก่ออาชญากรรมขึ้นแล้ว และโดยปกติ จะต้องมีโทษถึงจำคุก
ฮิลลารี คลินตัน ที่ถูกทรัมป์โจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า กรณีที่เธอเคยใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวทำงานสมัยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โพสต์บทความของ ดิ แอตแลนติก บน X และเขียนข้อความว่า ล้อเล่นกันอยู่แน่ ๆ
ไบรอัน ฮิวจส์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยืนยันว่า เนื้อหาในรายงานของ ดิ แอตแลนติก ดูเหมือนเป็นเรื่องจริง และกำลังตรวจสอบว่า มีการเพิ่มสมาชิกเข้าไปในกลุ่มโดยไม่ตั้งใจได้อย่างไร
ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกถามเรื่องนี้ระหว่างแถลงข่าวเรื่องฮุนได เข้าไปในลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ทรัมป์ตอบว่า ไม่รู้เรื่องนี้เลย เพิ่งรู้ครั้งแรกจากสื่อ และบอกด้วยว่า เขาไม่ใช่แฟนตัวยงของ ดิ แอตแลนติก “สำหรับผม แอตแลนติกคือนิตยสารที่กำลังจะปิดตัว” แต่การโจมตีเยเมน ก็ได้ผลอย่างมากอยู่ดี ต่อมา โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเชื่อมั่นในทีมงานด้านความมั่นคงอย่างสูงสุด
ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ การจัดการข้อมูลจัดชั้นความลับอย่างไม่เหมาะสม ใช้ในทางที่ผิด หรือละเมิด ถือเป็นอาชญากรรม แต่ไม่ชัดเจนว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายหรือไม่ รายงานของ ดิ แอตแลนติก ระบุด้วยว่า หลังผ่านไประยะหนึ่ง กลุ่มแชตที่วอลตซ์ เป็นคนตั้งขึ้น ก็หายไปจากแอปซิกนัล ซึ่งยังจุดคำถามเพิ่มว่า เป็นการละเมิดกฎหมายรัฐบาลกลางเรื่องการเก็บรักษาบันทึกราชการหรือไม่
