สภาฯเดือด “เพื่อไทย-ปชน.” ประท้วงวุ่น หลัง “สส.ชยพล” โชว์ผังไอโอกองทัพ พาดพิงสถาบันฯ “พิเชษฐ์” สั่งให้หยุดอภิปรายทันที
ข่าวที่น่าสนใจ
25 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน กำลังอภิปรายเปิดปฏิบัติการไอโอของกองทัพไปได้ประมาณ 15 นาที นายพิเชษฐ์เชื้อ เมืองพาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในขณะนั้น ได้กล่าวตักเตือนว่า การนำเสนอสไลด์ในลักษณะตัดแปะ และมีการนำลายเซ็นต์ และชื่อ ของผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องในสภาฯ ขึ้น เพราะฉะนั้นหากเกิดการฟ้องร้องท่านต้องรับผิดชอบ ซึ่งเอกสารลับต่างๆ ที่ท่านเอามานี้ เราก็ไม่ทราบว่าความจริงคืออะไร เพราะท่านนำมาตัดแปะเป็นช่วงๆ จึงไม่ทราบว่าหนังสือนี้เป็นหนังสือจากใครถึงใคร ดังนั้นท่านต้องรับผิดชอบด้วย ด้านนายชยพล กล่าวยืนยันว่า เอกสารนี้ ตนรับมาจากคนข้างใน เป็นเอกสารจริงแน่นอน
ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอหารือว่า ตนนั่งไล่ดูจากเอกสารที่นำเสนอ หากเป็นเอกสารจริง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก และคิดว่าหน่วยงานนั้นจะต้องปิด แต่หากเป็นเอกสารเท็จ ก็จะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่มากกว่า เพราะเรื่องที่กำลังพูดเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ ที่โยงใยกับการกระทำผิดของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ ซึ่งต้องเป็นความจริง เพราะหากไม่เป็นความจริง คิดว่าตนและประธานคงรับมือไม่อยู่
ทั้งนี้นายชยพล ยืนยันว่า สิ่งที่ตนนำมาโชว์มีความสำคัญต่อการทำให้เข้าใจเนื้อเรื่อง และความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ความจริงแล้วมีเอกสารและข้อมูลเยอะกว่านี้ ทั้งนี้ต้องขออภัยที่จะต้องมีการโชว์ภาพบุคคลต่างๆ ตนไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ตนอยากทำให้เห็นว่า โครงสร้างนี้ เป็นโครงสร้างที่มีตัวตนอยู่จริงๆ จึงต้องแสดงลักษณะโครงสร้างของคณะทำงานให้เห็น
เมื่ออธิบายไปอีกสักพัก นายพิเชษฐ์ กล่าวเตือนอีกว่า ขอให้หลีกเลี่ยงการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น พูดมาเยอะแล้ว อย่าเอ่ยถึงสถาบันฯ บ่อย
นายชยพล กล่าวว่า ทั้งหมดที่ตนกล่าวมา คือเจตนาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสถาบันฯ จากความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า เจตนาบริสุทธิ์
ด้าน นายวิทยา กล่าวอีกว่า อาจมีการทำผิดข้อบังคับ การเอ่ยถึงสถาบันฯ โดยไม่มีความจำเป็น ทำไม่ได้ในสภานี้ เราปฏิบัติกันมาตั้งแต่ก่อตั้งสภา ประธานต้องเข้มแข็งพอ ไม่ใช่พูดแล้ว จะรับผิดชอบได้ ประธานและตนก็รับผิดชอบไม่ได้ คนพูดก็รับผิดชอบไม่ได้ เมื่อถามเวลาจริงๆ แต่เราทั้งหมดร่วมกัน ในการดูแลสภาฯ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ ประธานสภาต้องใช้คำวินิจฉัยที่เข้มแข็งพอ ในการตัดสินใจ
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ท่านจะปรารถนาดี หรือปรารถนาร้าย แต่ในข้อบังคับห้ามเอ่ยถึงสถาบันฯ โดยไม่จำเป็น ลำพังเอ่ยถึงกองทัพก็เยอะแล้ว ถ้าเอ่ยถึงสถาบันฯ อีก ตนจะไม่ให้อภิปรายต่อ
ต่อมานายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงประธานว่า ต้องควบคุมการประชุมให้เป็นกลาง และต้องตีความเข้อบังคับที่ 69 อย่างรอบคอบ เพราะผู้อภิปรายไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เอ่ยถึงสถาบันฯ แต่นี่คือปฏิบัติการที่ไม่สมควร บังอาจไปเกี่ยวข้องโดยไม่จำเป็นกับสถาบันฯ ตกลงแล้วประธานจะปกป้องบุคคลเหล่านั้นหรือ นี่คือสิ่งจำเป็น เพราะเป็นการกระทำของคนกลุ่มนั้น ที่บังอาจนำเอาสถาบันฯ มาเป็นเครื่องมือ และผู้อภิปรายกำลังปกป้องสถาบันฯ แล้วประธานจะไม่ยอมให้ผู้อภิปรายปกป้องสถาบันฯ หรือ ไตร่ตรอง และอ่านข้อบังคับให้ดี
นายพิเชษฐ์ จึงวินิจฉัยว่า การเอ่ยถึงสถาบันฯ โดยไม่จำเป็น หากมีการเอ่ยขึ้นมาอีก จะไม่ให้อภิปรายต่อ ชัดเจนไหม
นายชยพล หารือประธานว่า ควรใช้คำว่าอะไรเพื่อเลี่ยงดี
นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ถ้าใช้คำอื่นไม่เป็น ก็ไม่ต้องใช้ นายชยพล จึงตอบแค่ว่า ครับ
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า จริงๆ ตนไม่ได้ตั้งใจจะลุกขึ้น แต่เมื่อพูดถึงสถาบันฯ เบื้องบน แปลความอย่างอื่นไปไม่ได้ ประธานต้องเฉียบขาดในเรื่องนี้ ตนยอมไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยเราถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องเทิดทูนไว้ และต้องเด็ดขาดด้วย ประธานลองแปลว่า เบื้องบนดู
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ตนวินิจฉัยไปแล้ว ย้ำว่า ตนเด็ดขาดแล้ว เชิญต่อเลย เดี๋ยวตนตัดสินใจเอง
นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า ฟังการอภิปรายมานานแล้ว รู้สึกไม่ค่อยสบาย กับผู้อภิปรายที่กำลังดำเนินการอยู่ แม้จะหลีกเลี่ยงคำพูด แต่ความหมายก็ทำให้คิดได้ จริงๆ แล้วกองทัพกับสถาบันฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน “ขอเถอะครับ อย่าโยงเอาสถาบันลงมาร่วมกับการเมืองเลย ยกเว้นเอาไว้สักหน่วยหนึ่ง”
นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยอีกว่า ขอให้ผู้อภิปรายอย่าเอ่ยถึง ไม่ว่าจะหวังดีอย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ ก่อนถามว่า จะหยุดอภิปรายไหม หรือจะอภิปรายต่อ พอลำพังการบอกว่า IO ของกองทัพไม่ดีสักอย่าง และไปผูกกับข้างบน ท่านเชื่อได้อย่างไร
นายวิโรจน์ ประท้วงอีกว่า ประธานเป็นฝ่ายบริหารหรือ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายความมั่นคง เขาจะเป็นคนชี้แจงเอง ตนประท้วงข้อ 9 และ 177 ประธานต้องทำตัวเป็นกลาง และผู้ที่จะต้องชี้แจงคือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ท่านจะมาชี้แจงแทนได้อย่างไร
นายพิเชษฐ์ วินิจฉัยอีกว่า เมื่อกล่าวถึงสถาบันฯ แล้วจะให้เขาตอบ มันไม่ใช่ เพราะห้ามพูดในที่ประชุม ถ้าพูดยังอื่น เดี๋ยวเขาตอบ ตนวินิจฉัยแล้ว จะพูดต่อหรือไม่
นายชยพล จึงขออภิปรายต่อ พร้อมกล่าวว่า ตนจะพยายามหลีกเลี่ยงเท่าที่ทำได้ อย่างสุดความสามารถ ขออภัยที่ต้องทำให้ประธานลำบากใจ
นายพิเชษฐ์ ตักเตือน โดยถามว่า ท่านเอ่ยถึงชื่อบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เขายินยอมกับท่านไหม มันเสียหายเยอะ ท่านหยุดอภิปรายดีไหม ท่านจะรับไม่ไหวนะ จากนั้น เมื่อนายพิเชษฐ์ หันไปเห็นนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส. ระยองพรรคประชาชน ยกมือ จึงได้ถามว่า วิปฝ่ายค้านจะรับผิดชอบด้วยใช่หรือไม่
นายชุติพงศ์ จึงขอประท้วงประธาน เรื่องการควบคุมการประชุม ซึ่งผู้อภิปลายพูดถึง 2 ครั้ง ว่าจะรับผิดชอบการอภิปรายของตัวเอง รวมถึงจะส่งเอกสารตามที่มีการร้องขอ และผู้อภิปรายก็ระมัดระวังตามที่ประธานเตือนทั้งหมด แล้วประธานจะให้หยุดอภิปรายด้วยข้อหาอะไร เราผู้ประท้วงก็ไม่มี ดังนั้น ขอให้ประธานให้โอกาสผู้อภิปราย เพราะผู้อภิปรายก็ได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้แล้วว่า มีการขออนุญาตบุคคลที่อยู่ในสไลด์ เพื่อนำมาพูดแล้ว และการนำมาพูดคือการปกป้องสิทธิ์ของพวกเขาเหล่านั้น ที่ถูกระบุเป็นเป้าหมายของ IO ดังนั้น จึงขอให้ประธานเป็นกลาง
นายพิเชษฐ์ ถามย้ำว่า ได้ขออนุญาตผู้ที่อยู่ในสไลด์แล้วใช่หรือไม่ นายชยพล ตอบรับว่า ใช่
เมื่ออภิปรายไปอีกสักครู่หนึ่ง สส.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนได้สลับการประท้วงประธาน โดยขอให้วินิจฉัยอีกครั้งว่า การอภิปรายในสิ่งเหล่านี้เกินไปหรือไม่ เพราะที่อภิปรายมาก็เพียงพอต่อความเข้าใจแล้ว
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองได้วินิจฉัยแล้ว และเตือนมาเยอะแล้ว เพราะเป็นความลับทางราชการ ดังนั้น “ผมขอวินิจฉัยตอนนี้ ว่าให้ท่านหยุดอภิปรายไปเลย ด้าน สส.พรรคประชาชนจึงขอให้วินิจฉัยใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สามารถอภิปรายต่อได้
นายพิเชษฐ์ ย้ำอีกว่า ตนเองนิจฉัยแล้ว ว่าให้หยุดอภิปราย เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น ท่านรับไม่ไหว และสภาก็รับไม่ไหว ขอเพียงเท่านี้
นายชยพล จึงแย้งว่า สิ่งที่ตนเองกำลังอภิปรายคือความเสียหายที่เกิดขึ้นในสังคมจริง และทำเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม ประธานจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ หรือ
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า อภิปรายมากพอสมควรแล้ว และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะมาตอบ ตนว่าเอาเท่านี้แหละ
ต่อมา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ประท้วงประธานว่า ความเสียหายอะไร ท่านวินิจฉัยให้หยุดอภิปราย เพราะอะไร รับผิดชอบความเสียหายอะไร รับผิดชอบความเสียหายของกองทัพไม่ได้หรือ ตกลงท่านประธานสยอมต่อกองทัพ นายพิเชษฐ์จึงปิดไมค์นายปกรณ์วุฒิ พร้อมกล่าวว่า พูดมาพอสมควรแล้ว ตนเองให้หยุดอภิปราย หลังจากนี้ตนรับผิดชอบท่านเอง เขาก็รับผิดชอบไม่ไหว ไม่ได้ ตนวินิจฉัยแล้ว
ต่อมา เมื่อ สส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เริ่มจะลุกขึ้นประท้วง นายพิเชษฐ์ได้ปิดไมค์ทุกคน ก่อนจะเปิดให้พูดที่ละคน จนนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตนเองให้กำลังใจประธาน แต่การอภิปรายต้องถือข้อบังคับเป็นใหญ่ มันหากไม่มีใครฟังอะไรแล้ว จะนำไปสู่การปิดอภิปรายเลยหรือไม่ ประธานช่วยเข้มแข็งให้เหมือน นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ได้หรือไม่
สุดท้าย นายพิเชษฐ์ จึงวินิจฉัยว่า มีเวลาเหลืออยู่อีก 30 นาที แต่ตนจะให้อภิปรายต่ออีก 10 นาที โดยไม่ต้องขึ้นสไลด์ เชิญเลย ตนให้ได้เท่านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น