คืบหน้ายอดผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหว “เมียนมา” ทะลุ 150 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 700 คน

คืบหน้ายอดผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหว "เมียนมา" ทะลุ 150 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 700 คน

นายพลมิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมาร์ ออกแถลงการณ์ถึงความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวระบุว่า ความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวมีอย่างกว้างขวางในมัณฑะเลย์ สะกาย และเนปิดอว์ จนถึงขณะนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต 144 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพบ 732 ราย อย่างไรก็ดี จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ แถลงการณ์ของนายพลมิน อ่อง หล่าย ออกมาช่วงก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งล่าสุด MRTV ของรัฐบาลเมียนมาร์ รายงานความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหว ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 153 ราย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แถลงการณ์ของท่านนายพลระบุต่อว่า เนื่องจากขณะนี้ เรากำลังดำเนินการบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่จากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ ตนจึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่าย เข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ ตนยังได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และเปิดช่องทางทุกทางในการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ล่าสุด ศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ (หรือ AHA) ได้เสนอที่จะส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินให้ในวันพรุ่งนี้ และอินเดียก็เสนอที่จะส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน

 

 

ทั้งนี้ เมียนมาร์ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ก็มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่และสร้างความเสียหายหนัก เกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อย มีผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจำนวนมาก ได้ออกมาให้ข้อมูลและวิเคราะห์ถึงเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เช่น บิล แม็กไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว จากยูนิเวอร์ซิตี้คอลเลจลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น บนแผ่นดินใหญ่ของเมียนมาร์ ในรอบ 3 ใน 4 ศตวรรษ

 

ด้านโรเจอร์ มัสสัน นักวิจัยกิตติมศักดิ์ของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาอังกฤษ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกเพียง 10 กิโลเมตร ทำให้ความเสียหายรุนแรงมาก เนื่องจากเกิดขึ้นที่ระดับความลึกที่ถือว่าตื้น ดังนั้น คลื่นกระแทกจึงไม่สามารถสลายตัวได้ เมื่อเคลื่อนจากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวขึ้นไปยังพื้นผิว อาคารต่างๆ จึงต้องรับแรงสั่นสะเทือนเต็มที่ สิ่งสำคัญคือต้องไม่มุ่งความสนใจไปที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหว เนื่องจากคลื่นไหวสะเทือน ไม่ได้แผ่ออกมาจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว แต่แผ่ออกมาจากแนวรอยเลื่อนทั้งหมด

มัสสันกล่าวต่อว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เกิดขึ้นในปี 1956 (พ.ศ. 2500) บ้านเรือนต่างๆ จึงไม่น่าจะได้รับการสร้างที่ให้ทนทานต่อแรงแผ่นดินไหวที่รุนแรงเท่ากับที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แผ่นดินไหวส่วนใหญ่ในเมียนมาร์ จะเกิดขึ้นทางตะวันตกมากกว่า ในขณะที่แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ใจกลางของประเทศ

ทั้งนี้ การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขตสะกายซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ที่มีประชากรหนาแน่นนั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ส่งผลให้ไม่มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว ความเสียหายจึงอาจเลวร้ายลงได้มาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวชุมชนหนองค้อ ร่วม ฉลองสัญญาบัตรพัดยศ เจ้าอาวาสวัดหนองฆ้อ
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์แด่ "เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา" และ "พระองค์เจ้าโสมสวลี"
"พิพัฒน์" นำทีมเปิดศูนย์ประสานช่วยเหลือแรงงาน เหตุแผ่นดินไหว ยันบริการครบวงจร พร้อมให้กำลังใจแพทย์สนามทำหน้าที่สำคัญ
ยอดดับเหตุแผ่นดินไหวเมียนมาพุ่งทะลุ 2 พันราย
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 1 เตือน "ภาคใต้" ฝนตกหนักถึงหนักมาก 1-4 เม.ย.นี้ จว.ไหนบ้างเช็กเลย
"พิชัย" สั่งตรวจ "บจ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" ปมตึก สตง.ถล่ม ลั่นพบผิดดำเนินคดีถึงที่สุด
“สรวงศ์” ประชุมด่วนรัฐ-เอกชน ฟื้นความเชื่อมั่น นทท.หลังแผ่นดินไหว
สื่อเผยผู้ป่วยล้นรพ.-ศพล้นเมรุที่เมียนมา
ได้กลิ่นตุๆ "บิ๊กเต่า" พร้อมฟันผิดปมตึก สตง.ถล่ม ลั่นหากใครผิดต้องดำเนินคดี
"เมียนมา" ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ 1 สัปดาห์ หลังมีผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหวพุ่งแตะ 1,700 คน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น