“ชาวเน็ตจีน” รุมจวกตึกสตง.ถล่ม “บ.จีน” ไล่ลบข้อมูลเกลี้ยงเหมือนไม่เคยมีอยู่

"ชาวเน็ตจีน" รุมจวกมาตรฐานการก่อสร้างร่วมทุนบริษัทจีน หลัง ตึก สตง. ถล่ม! ขณะพบ "บ.จีน" ไล่ลบข้อมูลโครงการเกลี้ยง เหมือนไม่เคยมีอยู่ ทั้ง ๆ ที่ เมื่อปีที่แล้วเพิ่งจัดพิธีฉลอง แขวนป้ายผ้าผืนใหญ่แบหลา ด้าน "เพจดัง" ไขคำตอบ ตึกใหม่ร้าวจากแผ่นดินไหว ไม่ใช่ไม่แข็งแรง

จากกรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สุดในรอบ 100 ปี ขนาด 8.2 ความลึ 10 กม. ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายระลอก ที่ เมืองมัณฑะเลย์ และ สะกาย ทางตอนกลางของเมียนมา

ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน จำนวนอาฟเตอร์ช็อก หลังเกิดแผ่นดินไหวในเมียนมา รวมตั้งแต่เวลา 13.20 ของวันที่ 28 มี.ค. ถึงเวลา 06.00 น. จากกลุ่มรอยเลื่อนสะกาย รวม 77 ครั้ง อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้น มีความรุนแรงต่ำ หลายพื้นที่ของประเทศไทย แทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นไหว

ส่วน ความเสียหายของแผ่นดินไหวในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ ที่ทำให้ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (สตง.) ความสูง 30 ชั้น มูลค่ากว่า 2,136 ล้านบาท ถล่ม นั้น  โครงการดังกล่าวเป็นกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด

เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะกับในจีน ชาวเน็ตจีน ได้ติดตามข่าวใน เว่ยป๋อ จนขึ้น ฮอตเสิร์ช โดยหนึ่งในโพสต์ที่ได้รับความสนใจนั้น เป็นข้อสังเกตจากชาวเน็ต ที่รายงานเรื่องตึก สตง. แห่งใหม่ เป็นบริษัทร่วมทุนกับ China Railway 10 ทั้งยังได้นำเนื้อหาของบทความ ที่รายงานความคืบหน้าการสร้างตึกดังกล่าวด้วย โดย ชาวเน็ต ต่างเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ ว่า “เริ่มแล้วใช่ไหม” … ส่วนอีกรายบอกว่า “สะพานที่ถล่มในพม่า ก็สร้างโดยจีนเช่นกัน”

ขณะที่ ชาวญี่ปุ่น ได้โพสต์คลิป ใน X ระบุว่า มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทย แจ้งเหตุฉุกเฉิน ที่ก็มีคนเข้าไปโพสต์ภาพตึก และข้อความเป็นภาษาจีนว่า “ทำในจีน”

โดยหลายคนชี้ว่า ทั้งเมืองกรุงเทพ มีตึกสูงตั้งหลายร้อยตึก แต่กลับมีแค่ ตึก สตง. หลังนี้ที่ถล่ม พร้อมตั้งคำถามถึงมาตรฐานงานก่อสร้าง และความโปร่งใสของโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล

ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ บริษัท China Railway No.10 Engineering Group เคยคุยว่า โครงการก่อสร้างฯนี้ เป็นผลงานสุดภาคภูมิใจ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัท โดยให้ฉายาอาคารแห่งนี้ว่า เป็น “นามบัตรใบแรกของบริษัทฯ ในประเทศไทย” และเป็นผลงานแสดงศักยภาพของวิศวกรรมจีนในตลาดต่างประเทศ

แต่หลังจากเกิดเหตุ ตึก สตง. พังถล่ม กลับพบว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เคยเผยแพร่เกี่ยวกับโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ รูปภาพระหว่างการก่อสร้าง หรือข้อความแสดงความชื่นชมในผลงานบริษัทจีนบนหน้าสื่อจีน ถูกลบออกจากระบบออนไลน์จนเกลี้ยง ไม่ทิ้งร่องรอยปรากฏในช่องทางสื่อสังคมของบริษัทอีกต่อไป

ทั้งนี้ อาคารดังกล่าว เพิ่งจัดพิธีฉลองการก่อสร้างถึงชั้นสูงสุด เมื่อเดือนเมษายน 2567 โดยมีการแขวนผ้าผืนใหญ่ พร้อมข้อความแสดงความยินดีเป็นภาษาจีน

 

ขณะเดียวกัน เพจเฟสบุ๊ก คิวริออส’ซิที Curiosity Channel คนช่างสงสัย โพสต์ข้อมูลอธิบาย … ที่เห็นหลายคนโพสต์ว่า เมื่อเจอแผ่นดินไหว ทำไมตึกเก่า ๆ ไม่ร้าวเลย แต่ตึกใหม่ ๆ กลับร้าว ตึกใหม่ๆ ไม่แข็งแรงหรือเปล่า …..

ไม่ใช่ครับ >> มาตรฐานการออกแบบอาคารรับแผ่นดินไหวใหม่ ๆ ตั้งแต่ช่วง 2550 เป็นต้นมา ได้กำหนดให้วิศวกรต้องออกแบบตึกให้มีความ “เหนียว” ในการรับแผ่นดินไหว …. ก่อนจะไปพูดถึงความเหนียว เรามาพูดสิ่งที่ตรงข้ามกันก่อน ซึ่งก็คือ “ความแข็ง”

สิ่งที่แข็ง มันจะตามมาด้วยความเปราะเสมอ หรือก็คือ ถ้ามันพัง มันจะพังอย่างฉับพลัน ไม่มีการเตือนใด ๆ / เหมือนกับเราพยามหักดินสอ ดินสอมันหักทันที ไม่มีการร้าวก่อน หรือที่วิศวะเรียกว่า “วิบัติแบบทันที” ซึ่งมันจะอันตรายมาก ไม่มีการเตือนก่อนใด ๆ จากตึกดี ๆ นิ่งๆอยู่ ถ้ามันรับแรงไม่ไหว มันจะพังอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัย “หนีไม่ทัน”

แต่อาคารที่เหนียวตามมาตรฐานการออกแบบสมัยใหม่ ถ้าเจอแรงแผ่นดินไหว มันจะโยกง่ายกว่า แอ่นตัวง่ายกว่า แต่จะยังไม่พังหักพับลงมา เหมือนเราจะพยายามบิดไม้บรรทัดพลาสติก ซึ่งนั่นทำให้เกิดรอยร้าวตามจุดต่าง ๆ ของอาคาร โดยเฉพาะผนัง ซึ่งรอยร้าวนี่แหละคือสัญญาณเตือนให้ผู้อาศัยรับหลบหนีออกจากอาคาร นั่นเองครับ

และการมีรอยร้าว ไม่ได้ทำให้ตึกอ่อนแอกว่าการไม่มีรอยร้าวนะครับ จริงๆแล้ว มันอาจแข็งแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันโยกไปโยกมาได้ มันจะสลายแรงแผ่นดินไหวให้กลายเป็นแรงในการโยกแทน ในขณะที่อาคารแบบแข็งเกร็ง จะสะสมแรงแผ่นดินไหวให้กลายเป็น Stress ในองค์อาคาร ถ้าสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว มันจะพังอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน นึกภาพต้นมะพร้าวเอนตามลม มันจะไม่หัก แต่ถ้ามันฝืนยืนแข็งทื่อ มันจะหักง่ายกว่าครับ

ดังนั้นการมีรอยร้าวหลังเกิดแผ่นดินไหวนั้น “ดีแล้ว” ถูกแล้ว ตรงตามมาตรฐานการออกแบบอาคารรับแผ่นดินไหวครับ ถ้าไม่มีรอยร้าวเลยสิ น่าคิด โดยเฉพาะตึกเก่าๆ ที่สร้างมานานแล้ว ส่วนใหญ่จะออกแบบให้เป็นแบบ “แข็งเกร็ง” ครับ

ขอขยายความคำว่า “ถ้าไม่มีรอยร้าวเลยสิ น่าคิด” เห็นคนตีความกันผิด คือการไม่ร้าว แค่แปลว่า มันไม่โยกตัว ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่ได้แปลว่าไม่แข็งแรง ถ้ามันไม่พัง ก็คือแข็งแรงไง แต่ที่น่าคิด คือ ถ้าตึกสร้างหลังปี 2550 ไม่ร้าว ก็แปลได้ 2 แบบคือ แข็งแรงมาก ยังไม่ถึงจุดร้าวตามที่ออกแบบไว้ กับไม่ได้ออกแบบตามมาตรฐานที่ให้มีความเหนียว

ทำไมแอดมินรู้เรื่องนี้? คือผมสามัญวิศวกรโยธา จบโทด้านอาคารรับแผ่นดินไหว แบบสายตรงเป๊ะกับเรื่องนี้เลย และยังเป็นผู้ตรวจสอบอาคาร เลขที่ใบอนุญาต บ.2879/2560 , เป็นวิศวกรอาเซียนเลขที่ 2664/2022 , เป็นวิศวกรเอเปค เลขที่ THA-01-00029 จริงๆ ไม่อยากจะเล่าหรอกว่าเรามีตำแหน่งงานอะไร เพียงแต่พอมันแมส มันจะมีคนประเภท บอกว่าเอ็งเป็นใคร ไม่รู้จริงอย่ามามั่ว เลยต้องขอใส่เครดิตนิดหน่อย

ปล. แต่ร้าว ไม่ได้แปลว่าไม่เสียหาย กลับเข้าไปนอนได้นะ ร้าวคือ “การแจ้งเตือน” ร้าวคือ “เสียหาย” นั่นแหละ แต่แค่ “ยัง” ไม่พังพับลงมา เป้าหมายในการทำให้แตกร้าว คือ้ตือนให้ผู้ใช้หนีเป็นเรื่องสำคัญ เอาชีวิตคนมาก่อน ไม่ใช่แปลว่า ร้าว=ตึกปลอดภัยกลับเข้าไปอาศัยได้ ยังไงก็ต้องให้วิศวกรมาประเมินความเสียหายและซ่อมแซมอยู่ดี ร้าวมากๆ ยังไงก็อันตรายอยู่ดี และไม่มีรอยร้าว ไม่ได้แปลว่าไม่แข็งแรงนะครับ มันก็แข็งแรงแหละครับ แค่อาจไม่มีรอยร้าวเตือนก่อนเนิ่นๆ เท่านั้นเอง หรือแข็งแรงมาก จนยังไม่ถึงจุดที่มันจะร้าวตามที่ออกแบบไว้ ถ้าจะร้าว แผ่นดินไหวต้องแรงกว่านี้อีก แผ่นดินไหวแค่นี้จิ๊บๆ ก็เป็นได้ โดยโพสต์ดังกล่าว มีผู้ใช้เฟสบุ๊กเข้ามากดถูกใจแล้วกว่า 2 หมื่นครั้ง และร่วมแสดงความเห็นจำนวนมาก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แถลงการณ์ของ พล.อ.มินอ่องหล่าย ระบุต่อว่า เนื่องจากขณะนี้ เรากำลังดำเนินการบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่ จากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ ตนจึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่าย เข้าช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ ยังได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และเปิดทุกช่องทาง ในการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ  ล่าสุด ศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ หรือ AHA ได้เสนอที่จะส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินให้ในวันพรุ่งนี้ และอินเดีย ก็เสนอที่จะส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน ส่วน รัสเซีย พร้อมช่วยเหลือทันที หากได้รับการร้องขอมา  ขณะที่ ซอมินทุน โฆษกรัฐบาล ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติ เร่งส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มายังเมียนมาโดยเร็วที่สุด

ส่วน สภากาชาดเมียนมา เผยว่า เจ้าหน้าที่ประสบปัญหาการเข้าพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือ  เนื่องจาก กระแสไฟในพื้นที่ประสบภัย ถูกตัดขาด ทำให้ไม่มีทั้งไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต ทั้งในเมืองมัณฑะเลย์และสะกาย ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง ในเมืองมัณฑะเลย์ ให้ข้อมูลว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ถือว่า รุนแรงมากที่สุด และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ปฏิบัติการกู้ภัยดำเนินต่อไป และเชื่อว่า จำนวนผู้เสียชีวิต อาจมากถึงหลายร้อยราย…

ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้มีคำสั่งให้ปิดสนามบินทุกแห่ง และระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่มัณฑะเลย์ และกรุงเนปิดอว์ หลังจากประกาศภาวะฉุกเฉินพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 6 ภูมิภาค ประกอบด้วย มัณฑะเลย์ , สะกาย , เนปิดอว์ , แม็กเวย์ , พะโค และ รัฐฉาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือ

 

มีรายงานสะพัดว่า บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย รวมถึง ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ในเขต ปยินมะนา ชานกรุงเนปิดอว์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ บรรดารัฐบาลทหารระดับสูงหลายนาย รวมถึงในเขตมัณฑะเลย์และรัฐฉาน ….

ภาพจากโซเชียลมีเดียแสดง ให้เห็นอาคารที่พังถล่มลงมา ในตลาด ทาพะยีกอน Thapyaygone  สะพานอาวา ซึ่งเชื่อมระหว่าง เมืองมัณฑะเลย์ กับสะกาย พังทลายลงไปในแม่น้ำ ส่วน เจดีย์และวัดพุทธหลายแห่ง เช่น เจดีย์มหามุนี เจดีย์อิฐเมนู และเจดีย์ชเวซาร์ยาร์ ในเมืองมัณฑะเลย์ พังถล่มลงมา  รวมถึง มัสยิดหลายแห่งในเมืองมัณฑะเลย์ เช่นกัน ส่วน “พระราชวังมัณฑะเลย์” อันเก่าแก่ ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ทั้งนี้ เมียนมา ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก / อย่างไรก็ดี เมียนมา ก็มีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่และสร้างความเสียหายหนัก แต่เกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อย มีผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจำนวนมาก ได้ออกมาให้ข้อมูลและวิเคราะห์ถึงเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เช่น “บิล แม็กไกวร์” ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว  จากยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น บนแผ่นดินใหญ่ของเมียนมาร์ ในรอบ 3 ใน 4 ศตวรรษ หรือ 100 ปี

ด้าน โรเจอร์ มัสสัน นักวิจัยกิตติมศักดิ์ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาอังกฤษ กล่าวกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกเพียง 10 กิโลเมตร ทำให้ความเสียหายรุนแรงมาก เนื่องจาก เกิดขึ้นที่ระดับความลึกที่ถือว่าตื้น / ดังนั้น คลื่นกระแทก จึงไม่สามารถสลายตัวได้ เมื่อเคลื่อนจากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวขึ้นไปยังพื้นผิว อาคารต่าง ๆ จึงต้องรับแรงสั่นสะเทือนเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่มุ่งความสนใจไปที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหว เนื่องจาก คลื่นไหวสะเทือน ไม่ได้แผ่ออกมาจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว แต่แผ่ออกมาจากแนวรอยเลื่อนทั้งหมด

มัสสัน กล่าวต่อว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เมื่อในปี 1956 หรือ พ.ศ. 2500 บ้านเรือนต่าง ๆ จึงไม่น่าจะได้รับการสร้างที่ให้ทนทานต่อแรงแผ่นดินไหวที่รุนแรงเท่ากับที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แผ่นดินไหวส่วนใหญ่ในเมียนมา จะเกิดขึ้นทางตะวันตกมากกว่า แต่ครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ใจกลางของประเทศ

ด้าน สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ หรือ ยูเอสจีเอส เผยแพร่รายงาน เตือนว่า เมียนมา ยังคงมีความเสี่ยงของการเกิด “ภาวะแผ่นดินเหลว” ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ โดยภาวะแผ่นดินเหลว เป็นกระบวนการที่ดินอิ่มน้ำสูญเสียความแข็งแรง และมีพฤติกรรมคล้ายของเหลวระหว่างเกิดแผ่นดินไหว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวชุมชนหนองค้อ ร่วม ฉลองสัญญาบัตรพัดยศ เจ้าอาวาสวัดหนองฆ้อ
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์แด่ "เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา" และ "พระองค์เจ้าโสมสวลี"
"พิพัฒน์" นำทีมเปิดศูนย์ประสานช่วยเหลือแรงงาน เหตุแผ่นดินไหว ยันบริการครบวงจร พร้อมให้กำลังใจแพทย์สนามทำหน้าที่สำคัญ
ยอดดับเหตุแผ่นดินไหวเมียนมาพุ่งทะลุ 2 พันราย
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 1 เตือน "ภาคใต้" ฝนตกหนักถึงหนักมาก 1-4 เม.ย.นี้ จว.ไหนบ้างเช็กเลย
"พิชัย" สั่งตรวจ "บจ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" ปมตึก สตง.ถล่ม ลั่นพบผิดดำเนินคดีถึงที่สุด
“สรวงศ์” ประชุมด่วนรัฐ-เอกชน ฟื้นความเชื่อมั่น นทท.หลังแผ่นดินไหว
สื่อเผยผู้ป่วยล้นรพ.-ศพล้นเมรุที่เมียนมา
ได้กลิ่นตุๆ "บิ๊กเต่า" พร้อมฟันผิดปมตึก สตง.ถล่ม ลั่นหากใครผิดต้องดำเนินคดี
"เมียนมา" ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ 1 สัปดาห์ หลังมีผู้เสียชีวิตแผ่นดินไหวพุ่งแตะ 1,700 คน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น