ตร.เตรียมดำเนินคดี 4 ชายชาวจีน ลักลอบขนเอกสารโครงการตึกถล่ม

ตำรวจเตรียมดำเนินคดี ชายชาวจีน 4 คน ลักลอบเข้าพื้นที่ไปขนเอกสารในบริเวณเกิดเหตุตึกถล่ม ในความผิดตามพ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หลังตัวแทนกรุงเทพมหานครเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ

ตร.เตรียมดำเนินคดี 4 ชายชาวจีน ลักลอบขนเอกสารโครงการตึกถล่ม – Top News รายงาน

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 พลตำตรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ความคืบหน้า หลังเมื่อวานที่ผ่านมา มีชายชาวจีน 4 คน เข้าไปลักลอบขนเอกสาร ซึ่งเป็นแฟ้ม 32 รายการ ออกจากด้านหลัง ของอาคาร ซึ่งพังถล่มลงมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ว่า ปัจจุบัน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ประกาศ ให้พื้นที่เกิดเหตุ เป็นเขตพื้นที่สาธารณภัยซึ่งจากคำสั่งดังกล่าว ครอบคลุมตามข้อกฎหมายของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งผลให้เขตพื้นที่นี้ เป็นพื้นที่หวงห้าม บุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่ได้รับอนุญาต จะไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ได้ ซึ่งหลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบเห็นกลุ่มบุคคลประมาณ 4 คนได้นำเอาเอกสารออกจากบริเวณ ดังกล่าวและมีลักษณะการค้นแฟ้มเอกสารออกไป

 

ตำรวจจึงได้มีการ ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการติดตามตัว กระทั่งพบกับชายชาวจีน 1 คน ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ โดยเจ้าตัวอ้างว่าเป็นผู้อำนวยการโครงการเกี่ยวกับการขอก่อสร้างตึกจากการสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบวีซ่า ใบอนุญาตทำงานและหนังสือเดินทางก็พบว่ามีใบอนุญาตทำงานถูกต้องและมีเอกสารที่ยืนยันว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวทำงานอยู่ในบริษัทซึ่งเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัทอิตาเลียนไทย จากการตรวจสอบเอกสารทั้งหมด 32 รายการ พบเป็นเอกสารหลายชนิด เช่น เอกสารผู้รับเหมาก่อสร้าง , สำเนาอาร์เอฟไอ , เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำชี้แจงหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบงานทั่วไป ,  เอกสารขอความคิดเห็นและทำการชี้แจงเอกสารผู้รับเหมา , เอกสารผู้รับเหมาเช่าช่วงและเอกสารเกี่ยวกับผู้รับเหมา 3-4 รายการ , เอกสารงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและขนส่ง พนักงานสอบสวนจึงทำการตรวจยึดไว้ตรวจสอบ ส่วนชาวจีนทั้ง 4 คน หลังสอบปากคำแล้วเสร็จก็ได้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อได้ประสานการทำงานตรวจสอบร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้นิติกรตรวจสอบว่าชาวจีนทั้ง 4 คนนี้ ได้เข้ามาในพื้นที่โดยได้มีการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่หรือไม่ เบื้องต้น สำนักงานเขตจตุจักรได้ อยู่ระหว่างร่างคำร้องเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 4 คน ในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และเมื่อมีการเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็จะติดตามตัวทั้ง 4 คน เข้ามาพบและดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่อีก 1 รายผู้จ้างวานอยู่ระหว่างการตรวจสอบและขยายผลต่อไป

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยหากกรุงเทพมหานคร แจ้งความแล้วก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ฐานผู้ใดเข้าไปในพื้นที่โดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมายหรือตามคำสั่งของผู้อำนวยการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเพราะมีข้อบังคับและมีการติดประกาศแจ้งเตือนไว้แล้ว โดยหากจะเข้ามาต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครก่อน

ดำเนินคดี 4 ชายชาวจีน

จากการสอบปากคำเบื้องต้นทั้ง 4 คน ระบุว่าต้องการเข้าไปในพื้นที่เพื่อเอาเอกสารไปเคลมประกันภัย ซึ่งเอกสารดังกล่าวอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของลานจอดรถ ซึ่งเป็นสถานที่ชั่วคราวของบริษัทแต่ไม่ได้มีการขออนุญาต โดยทั้ง 4 คน เป็นพนักงาน รายย่อยของผู้รับเหมาในเครือบริษัทอิตาเลียนไทย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารที่ตรวจยึดมาได้ว่าเกี่ยวข้องกับกรณีตึกถล่มหรือไม่ และจะมีการเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยอยู่ระหว่างการประสานงาน เบื้องต้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการสั่งตั้งคณะ พนักงานสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องการชนะสูตรพลิกศพ รวมถึงการตั้งคณะพนักงานสืบสวนว่าสาเหตุของการพังถล่มลงมาว่าเกิดจากสาเหตุใด ขณะเดียวกันตำรวจยังได้มีการประสานข้อมูลร่วมกับบริษัทประกันภัยว่ามีเอกสารส่วนใดที่จะต้องทำการส่งต่อเพื่อทำการส่งมอบ รวมถึงตรวจสอบว่ามีเอกสารส่วนใดที่หากมีการนำออกไปจากจุดเกิดเหตุแล้วจะส่งผลกระทบกับการทำคดีนี้เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล

 

ขณะที่พลตำรวจตรีโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงมีสำนวนคดีอื่นที่ต้องทำคือการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตซึ่งจะต้องแยกเป็นอีกสำนวนหนึ่งเพราะกระบวนการสืบสวนและสอบสวนต้องแยกกันทำแต่ว่าพยานหลักฐานที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ก็จะต้องนำไปใช้ประกอบกัน ซึ่งขณะนี้ก็มีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปหลายปากแล้ว โดยในส่วนของการกู้ชีพกู้ภัยก็จะมีฝ่ายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นคนดำเนินการแต่ในส่วนที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องรับผิดชอบในการทำสำนวนการสอบสวนและหาสาเหตุในการเสียชีวิตว่าเกิดจากการกระทำของผู้ใดหรือเกิดจากความประมาทของผู้ใดหรือไม่ซึ่งก็อยู่ในกระบวนการต่อไปที่จะต้องดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นก็มีการสอบปากคำญาติของผู้ได้รับผลกระทบและจะมีการทยอยสอบปากคำไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแยกแยะเอกสารที่ตรวจยึดมาได้จากชาวจีนทั้ง 4 คน ก็จะต้องเชิญวิศวกร เข้ามาช่วยตรวจสอบด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สถาบันเหล็กฯ ออกแถลงการณ์ โต้ทนาย "ซินเคอหยวน" ยันเครื่องทดสอบเหล็กแม่นยำ ถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง
Watt-D แจ้งเตือน ระวัง "มิจฉาชีพ" แอบอ้างเป็นพนักงาน PEA หลอก Add LINE
ทั่วโลกร่วมไว้อาลัยโป๊ปฟรานซิส
“หมอปลาย” ทักแรง! ภาคอีสานระวัง “ภูเขาไฟ” ดับไปแล้ว กำลังจะตื่นอีก
“นาซา” เผยข้อมูลช็อก! แผ่นดินพม่าเคลื่อนตัว 6 เมตร จ่อปรับผังเมืองเนปิดอว์
ผวาชักศึกเข้าไทย! “พม่า KNU” เหิมหนัก โบกธงฉลองในแผ่นดินไทย
ปภ.จับมือ "3 ค่ายมือถือ" ทดสอบส่งข้อความเตือนภัย พ.ค.นี้
"นายกฯ" นำเปิดโครงการ "SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน" เน้นผลสำเร็จเริ่มจากยุคไทยรักไทย
เซเว่น อีเลฟเว่น ชวนคนไทยร่วมเปลี่ยนแปลงโลก ในวัน Earth Day 2025 ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดการใช้พลังงาน ในธีม“พลังของเรา โลกของเรา”เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ซีพีจับมือทุกภาคส่วน ปักหมุด ‘เกาะสุกร’ จ.ตรัง ลงนาม MOU สร้างโมเดลต้นแบบจัดการขยะยั่งยืน มุ่งต่อยอดสู่เครือข่ายสิ่งแวดล้อมภาคใต้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น