นายกฯ เดินหน้าฉีดวัคซีนนักเรียนเตรียมเปิดเทอมอย่างปลอดภัย มุ่งสู่หมุดหมายการเปิดเมือง-เปิดประเทศ

นายกฯ เดินหน้าฉีดวัคซีนนักเรียนเตรียมเปิดเทอมอย่างปลอดภัย มุ่งสู่หมุดหมายการเปิดเมือง-เปิดประเทศ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ว่า วันนี้ (4 ต.ค.) เป็นอีกหนึ่งวันที่เป็นหมุดหมายสำคัญ ในการต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อนำไปสู่การเปิดเมือง เปิดประเทศ นอกจากวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อจะลดต่ำลงกว่าหนึ่งหมื่นคน พร้อมกับยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน ซึ่งเป็นสัญญาณของสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว วันนี้ยังเป็นวันเริ่มต้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับลูกหลานของเรา คือ นักเรียนทั่วประเทศที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งในช่วงเช้า ผมได้ไปเปิดงาน Kick Off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนเด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ณ โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร

 

 

โดยกระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งว่า มีผู้ปกครองแจ้งความจำนงให้บุตรหลานฉีดวัคซีน เป็นจำนวน 3.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของนักเรียนที่อายุ 12 ปีขึ้นไป ประมาณ 5 ล้านคน โดยจะมีการจัดสรรวัคซีนให้กับทุกจังหวัด ได้ฉีดภายในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาในการสิ้นสุดการฉีด ดังนั้นหากมีผู้แสดงความจำนงเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการฉีดให้ได้ สำหรับกลุ่มนอกระบบการศึกษา รวมทั้งเด็กเรียนที่บ้าน หรือโฮมสคูล ก็สามารถติดต่อ/ลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่รักษาประจำ หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้เช่นกัน ส่วนเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้รับการฉีดก็จะไม่เป็นเงื่อนไขในการเข้ารับการศึกษาแต่อย่างใดนะครับ

 

 

 

การฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก จะใช้วัคซีนไฟเซอร์ ที่รัฐบาลสั่งซื้อและได้รับมาแล้ว 2 ล้านโดส และกำลังจะเข้ามาอีก 8 ล้านโดส ซึ่งเป็นวัคซีนที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขรับรองให้สามารถฉีดผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ และในต่างประเทศได้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มเด็กมาแล้วในหลายประเทศ ผลการศึกษาพบว่ามีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นการฉีด 2 เข็มเหมือนกับการฉีดผู้ใหญ่ และมีระบบติดตามอาการและความปลอดภัยเช่นเดียวกัน

 

การฉีดวัคซีนโควิดให้กับเด็กนักเรียนทั่วประเทศ จะทำให้เราสามารถเปิดสถานศึกษาได้ ให้เด็กนักเรียนได้กลับไปสู่บรรยากาศการเรียนตามปกติ แบบ New Normal ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของการเรียนรู้ตามวัย ที่ไม่ต้องจ้องแต่หน้าจอตลอดทั้งวัน โดยไม่ได้เจอเพื่อนและคุณครู และจะได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ในโรงเรียนที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างศักยภาพด้านต่างๆ และที่สำคัญคือ ช่วยปกป้องอนาคตของชาติจากโรคร้าย สามารถร่วมทำกิจกรรมนอกบ้านกับครอบครัวได้ โดยไม่ต้องกังวลเหมือนก่อน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะทำให้เป้าหมายการเปิดประเทศของเรา ความปลอดภัยและยั่งยืน

ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนกับบุคลากรด้านการศึกษามาล่วงหน้าแล้วกว่า 70% ทั่วประเทศ พร้อมทั้งกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ก็ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดทำแนวปฏิบัติ Sandbox: Safety Zone in School สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม สามารถเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ จึงขอให้โรงเรียน และนักเรียนปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด และหากโรงเรียนใด มีการเปิดเรียนแล้วพบการติดเชื้อภายในโรงเรียน ก็ต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของกระทรวงสาธารณสุขที่มีการเตรียมการรับมือไว้แล้วอย่างเคร่งครัด

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าการให้บริการวัคซีนกับลูกหลานของเราด้วยความสมัครใจในวันนี้ จะเป็นพื้นฐานสำคัญให้อนาคตของชาติได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต้อนรับเปิดเทอมใหม่ ที่เด็กๆจะได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันในห้องเรียนอย่างปลอดภัย โดยที่ผู้ปกครองคลายความกังวลได้ครับ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น