วันที่ 4 ต.ค. 64 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง จตช. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ และพวกรวม 7 คน ซ้อมทรมานผู้ต้องคดียาเสพติดจนเสียชีวิต
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า สำหรับคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ ตอนนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 คดี ถึงตอนนี้เรามีหลักฐานมากพอที่จะเอาผิดได้แน่นอน โดยเฉพาะคดีซ้อมทรมานผู้ต้องหาจนถึงแก่ชีวิต ขณะนี้คืบหน้าไป 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าไม่น่าเกินเดือน พ.ย. น่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาได้ ส่วนเรื่องคดีสินบนนำจับรถหรู ตรวจสอบพบว่า ผกก.โจ้ เกี่ยวข้องกับจับกุมรถหลบเลี่ยงเสียภาษี จำนวน 410 คัน เบื้องต้นพบข้อมูลเป็นรถแจ้งหายไว้ที่ต่างประเทศอย่าง มาเลเซีย และ สิงค์โป รวมจำนวน 270 แบ่งเป็นรถที่ถูกแจ้งหายก่อนตรวจยึด 101 คัน และ รถที่แจ้งหายหลังถูกตรวจยึด 169 คัน ส่วนรถที่เหลือ 140 คัน ยังไม่พบแหล่งที่มา เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด
สำหรับ รถหรู 410 คัน ที่เกี่ยวข้องกับ ผกก.โจ้ ผิดกฎหมายแน่นอน เพราะวิธีการจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการยึดก่อนที่รถจะผ่านเข้าประเทศด้วยซ้ำ และยังพบพิรุธอีกหลายประเด็น รถเหล่านี้ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติเป็นคนนำเข้ามา ก่อนบุคคลดังกล่าวจะเดินทางกลับด้วยสายการบิน ซึ่งในส่วนนี้ได้มอบหมายให้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เร่งตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดว่าบุคคลดังกล่าวนำรถเข้ามาในประเทศแล้วกี่คัน เป็นรถคันใดบ้างเพื่อให้หลักฐานมีความแน่นหนา จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิด ผกก.โจ้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แน่นอน เพียงแต่ขอเวลารวบรวมข้อมูลจากกรมศุลกากรและสถาบันการเงินก่อน
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรถทั้ง 410 คัน จากทางศุลกากรค่อนข้างมาก ตั้งแต่การเข้ามาของรถ ใครเป็นคนนำเข้ามา ใครเป็นนอมินี และใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ทางตำรวจมีข้อมูลหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนกรอบเวลาในการสรุปเรื่องนี้ยังไม่สามารถกำหนดให้แน่ชัดได้ เนื่องจากรายละเอียดค่อนข้างมากต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน