AFP และ BBC รายงานว่ารัฐบาลทหารเมียนมาได้มีคำสั่งในวันนี้ (จันทร์ที่ 31 มีค.) ให้สถานที่ราชการทั่วประกาศลดธงลงครึ่งเสาเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 6 เมษายน เพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบศตวรรษที่ภูมิภาคมัณฑะเลย์และสะกายเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,700 ราย บาดเจ็บราว 3,400 ราย และสูญหายประมาณ 300 ราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคาร แต่ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเริ่มน้อยลงเต็มทีหลังจากเวลาผ่านไป 3 วัน ขณะที่ประชาชนหลายร้อยคนที่เมืองมัณฑะเลย์และสะกายต้องออกมานอนนอกบ้านเป็นคืนที่สามท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส บางส่วนเป็นเพราะบ้านพังเสียหาย บางส่วนวิตกว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมา โรงพยาบาลหลายแห่งที่มัณฑะเลย์ รวมทั้งโรงพยาบาลหลักก็ตัดสินใจอพยพผู้ป่วยออกมารักษากันที่ลานจอดรถเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยของอาคารโรงพยาบาล
ขณะที่ชาวมุสลิมหลายร้อยคนที่เมืองมัณฑะเลย์ก็ต้องออกมาสวดมนต์และทำละหมาดต้อนรับวันอีดิ้ลฟิตรีหรือฮารีรายอ กันกลางแจ้งหลังจากมัสยิดหลายสิบแห่งพังถล่มได้รับความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนเมื่อวันศุกร์ ทำให้บรรยากาศการทำละหมาดเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้สถานการณ์ในเมียนมาอยู่ในภาวะฉุกเฉินพร้อมเรียกร้องเงินบริจาค 8 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อใช้ในการบรรเทาทุกข์และเพื่อป้องกันโรคระบาดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาเร็วๆนี้ เนื่องจากคาดว่าศพผู้เสียชีวิตที่ยังกู้ไม่ได้จะเริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ขณะที่ BBC รายงานว่าเริ่มมีกลิ่นศพโชยคละคลุ้งตามท้องถนนในพื้นที่ประสบภัย ด้านสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ก็เร่งระดมเงินช่วยเหลือกว่า 100 ล้านดอลล่าร์