ยูทูบเบอร์ชาวไทยที่ใช้ชื่อว่า “Mossala 101” (มอสซาลา 101) ได้รายงานข่าวสถานการณ์ที่นครลอสแอนเจลิสวันที่ 3 เมษายนหลังจากทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ทั่วโลกในวันที่ 2 เมษายน และสินค้าไทยเองก็โดนเรียกเก็บ 36% ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์นำเข้าจากประเทศไทยไปสหรัฐพุ่งสูงขึ้นในเร็วๆนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่ตลาดแล็คซี (Lax-C) ซึ่งเป็นตลาดขายสินค้าไทยที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนียหรืออาจใหญ่ที่สุดในสหรัฐก็ว่าได้ คนไทยหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ทำธุรกิจร้านอาหารไทยได้พากันมาหาซื้อเครื่องปรุง และเครื่องแกงของไทยเพื่อนำไปกักตุน ก่อนที่สินค้าไทยจะขึ้นราคาในเร็วๆนี้ หลายคนบอกว่าเตรียมใจไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะโดนสูงขนาดนี้ เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ “ไทย บูลเลอวาร์ด” บอกว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบหนักมาก เพราะตอนนี้สินค้าก็แพงอยู่แล้ว เศรษฐกิจก็ไม่ดี ยอดขายก็ลดลง พอทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 36% อีกก็คาดว่าจำเป็นต้องปรับราคาอาหารขึ้น ซึ่งวันนี้ก็มาซื้อกะทิไป 10 ลัง ขณะที่เจ้าของร้านอาหารไทยอีกรายก็มาหาซื้อน้ำปลาและกะทิไปกักตุน เพราะคาดว่าสินค้าน่าจะขึ้นราคาสัปดาห์หน้า ด้านพนักงานขายซึ่งเป็นคนไทยบอกว่าผู้ประกอบการร้านอาหารพากันซื้อสินค้ากักตุนจนสินค้าเริ่มขาดแคลน และทำให้ตลาดต้องจำกัดการซื้อสินค้าบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกะทิแม่พลอยและกะทิชาวเกาะซึ่งเป็นที่ต้องการจำนวนมาก
ยูทูบเบอร์รายนี้ยังไปสัมภาษณ์นายนิวัฒน์ หาญสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส (Thai Trade Center) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ นายนิวัฒน์เผยว่าต้องรับโทรศัพท์สายแทบไหม้ เพราะทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าไทยกระหน่ำโทรมาเช็คข้อมูลเรื่องอัตราภาษีกันตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน และว่ามาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์ครั้งนี้เรียกว่าเป็น “สึนามิทางเศรษฐกิจ” นายนิวัฒน์เผยว่าการขึ้นภาษีสินค้าไทยจะมี 2 ขั้นตอนโดยเบื้องต้นวันที่ 5 เมษายนจะเก็บ 10% ก่อน และวันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไปก็จะเก็บเต็ม 36% ซึ่งผู้ส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบหนักมาก สำหรับสินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือข้าวหอมมะลิ เพราะสหรัฐเป็นตลาดรับซื้อข้าวหอมมะลิที่ใหญ่ที่สุดของไทย ต่อมาคือบรรดาเครื่องปรุงทั้งหลาย และสินค้าด้านการเกษตร รวมทั้งมะพร้าวที่เป็นสินค้าสำคัญอีกชนิดที่ส่งมายังสหรัฐจำนวนมาก
นายนิวัฒน์กล่าวว่าตอนนี้ทำได้เพียงส่งกำลังใจให้ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยและจะเพิ่มความพยายามโปรโมทอาหารไทยให้มากขึ้น ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ก็ติดต่อขอเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐไปแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการรอรับนัดพูดคุยเพื่อหาทางออก ซึ่งอาจเป็นการลดภาษีให้กับสหรัฐ รวมทั้งการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ
ขณะที่ผู้บริหารร้านอาหารไทย “เลิฟทูอีท ไทยบิสโทร” (Luv2Eat Thai Bistro) ซึ่งขายอาหารข้าวแกงปักษ์ใต้ในเขตฮอลลีวู้ดบอกว่ารู้สึกช็อคมากที่รู้ว่าภาษีจะขึ้นถึง 36% และว่าทางร้านจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น เพราะวัตถุดิบ 80 % ที่ใช้นำเข้าจากไทยเนื่องจากหาทดแทนไม่ได้ เช่นกะปิและกะทิ ซึ่งกะปินั้นหาทดแทนไม่ได้เลย ส่วนกะทิมีผลิตจากหลายประเทศก็จริง แต่รสชาติไม่ดีและไม่เหมาะสำหรับทำอาหารไทย สำหรับวัตถุดิบอีก 20 % สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของอเมริกา เช่นเนื้อสัตว์และผักสด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้ สำหรับเรื่องจะปรับราคาขึ้นเท่าไรนั้น จะต้องรอดูราคาสินค้าในตลาดก่อน ซึ่งคนไทยในอเมริกาต่างก็ตั้งความหวังว่าทางการไทยจะเจรจากับทรัมป์ได้สำเร็จ อย่างน้อยก็ปรับลดอัตราภาษีลง ไม่ใช่ 36% แบบนี้