รอยเตอร์สรายงานว่ากัว เจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คเมื่อเช้าวานนี้ (เสาร์ที่ 5 เมย.) พร้อมภาพแคปภาพตลาดหุ้นของสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนักขึ้นแดงทั้งกระดานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันที่สองหลังจากทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้กว่า 60 ประเทศทั่วโลกเมื่อวันที่ 2 เมษายน บังคับให้จีนต้องประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐ 34 % อัตราเดียวกับที่ทรัมป์สั่งเก็บจากจีนบวกอีก 20 % ที่ทรัมป์ประกาศไปก่อนหน้า ทำให้สินค้าจีนจะถูกเก็บภาษีศุลกากรเข้าสหรัฐรวมทั้งสิ้น 54%
มาตรการตอบโตทางภาษีของสหรัฐและจีนรวมกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วฉุดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ช่วงโรคระบาดโควิด 19
ทั้งนี้กัวโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่สหรัฐจะต้องหยุดการกระทำที่ผิดๆและหันมาแก้ปัญหาร่วมกับประเทศพันธมิตรด้วยการเจรจาหารือ
ขณะที่หอการค้าจีนซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆของจีนตั้งแต่สิ่งทอเรื่อยไปจนถึงสินค้าอิเลคทรอนิกได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 5 เมย.) เรียกร้องธุรกิจและอุตสาหกรรมจีนรวมตัวกันหาตลาดใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศมาทดแทนตลาดสหรัฐ รวมทั้งเตือนว่าภาษีของทรัมป์จะทำให้ต้นุทนนำเข้าสินค้าของผู้ประกอบการสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ค่าครองชีพของชาวอเมริกันเพิ่มสูงและผลักดันเงินเฟ้อในสหรัฐให้สูงขึ้นเสี่ยงต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ
มาตราภาษีตอบโต้ของทรัมป์แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน โดยสหรัฐเริ่มเก็บภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าเกือบทุกชนิดเมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 5 เมย.) และที่เหลือในอัตราที่แตกต่างกันไปแต่ละประเทศตั้งแต่ 9 เมษายน โดยไทยจะโดน 36%
นอกจากนี้สหรัฐยังสั่งยุติมาตรการยกเว้นภาษีพัสดุนำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลล่าร์สหรัฐจากจีนและฮ่องกง เริ่มตั้งแต่ 2 พฤษภาคมเป็นต้นไป โดยพัสดุนำเข้าทุกชิ้นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 30 % หรือราว 25 ดอลล่าร์ต่อชิ้น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลฮ่องกงยืนยันว่าจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีเพิ่มเติมกับสหรัฐ ย้ำฮ่องกงยังยึดมั่นในนโยบายการค้าที่เปิดกว้างและเสรี