ก่อนหน้านี้ สหรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ร่วมกับ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซียและอังกฤษ ลงนามข้อตกลงประวัติศาสตร์ ในปี 2558 ว่า จะผ่อนปรนมาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจแลกกับการจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ และยอมให้เจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศ เข้าไปตรวจสอบว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน มีวัตถุประสงค์ด้านพลเรือนอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งสมัยแรก ในปี 2016 ก็ประกาศถอนสหรัฐ ออกจากข้อตกลง หลังจากนั้นมา สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ระบุว่า อิหร่านเดินหน้าเสริมสร้างสต็อกแร่ยูเรเนียมสมรรถนะสูง ที่สามารถนำไปใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้จำนวนไม่น้อย
ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศระหว่างให้การต้อนรับ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (7เมษายน) ว่า สหรัฐ กำลังเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน และในวันเสาร์ที่ 12 เมษายนนี้ จะมีการเจรจาระดับสูงโดยตรง”กับอิหร่าน เกี่ยวกับการยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ และหวังว่า จะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลเตหะรานได้
ทรัมป์ ไม่ได้เปิดเผยว่า การเจรจาจะจัดขึ้นที่ไหน ใครจะนำทีมเจรจา แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เจรจาแบบมีคนกลาง และจะเป็นการเจรจา “ระดับเกือบสูงที่สุด” พร้อมกับย้ำว่า หากการทูตไม่ประสบผลสำเร็จ อิหร่าน จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เขาไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่จะปล่อยให้ อิหร่าน มีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ได้เป็นอันขาด
ด้าน เนทันยาฮู เดินทางถึงอเมริกาแล้ว สิ่งแรกที่เขาต้องการคือ “ต้องการให้สหรัฐ ทำสงครามกับอิหร่าน อย่างเต็มรูปแบบ”
เนทันยาฮู แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับอิหร่าน โดยเน้นย้ำว่า ต้องการปลดอาวุธนิวเคลียร์อิหร่านทั้งหมด และเสนอทางออกทางการทูต ในลักษณะเดียวกับที่ สหรัฐทำในลิเบีย เขาเชื่อว่า โอกาสที่สหรัฐและอิหร่าน จะบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์นั้นน้อยมาก
ทรัมป์ ส่งจดหมายถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เมื่อเดือนมีนาคม โดยส่งผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสนอเปิดเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน …. การประกาศล่าสุดของทรัมป์ สร้างความประหลาดใจ เพราะอิหร่านยืนกรานตรงกันข้ามว่า การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หากเกิดขึ้น จะเป็นการเจรจาทางอ้อมเท่านั้น …… นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เพิ่งบอกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การเจรจาโดยตรงภายใต้คำขู่ใช้กำลังอยู่ตลอดเวลา จะไร้ความหมาย อิหร่าน ยังสนับสนุนการทูตและการเจรจากับสหรัฐ แต่จะเป็นการพูดคุยผ่านคนกลางเท่านั้น และที่ผ่านมา ยังไม่มีการเจรจาใด ๆ เกิดขึ้น
หลังทรัมป์ประกาศไม่กี่นาที รอยเตอร์ส รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสอิหร่านว่า อิหร่านจะเจรจากับสหรัฐ ทางอ้อม โดยมี โอมาน เป็นคนกลาง ซึ่งอาจบ่งบอกว่า การเจรจาน่าจะขัดขึ้นที่โอมาน ประเทศที่ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับสหรัฐฯและอิหร่าน และเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างสองคู่อริมาอย่างยาวนาน
นูร์นิวส์ สื่ออิหร่าน รายงานว่า การประกาศว่าจะมีการเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางจิตวิทยาของสหรัฐ เพื่อปั่นกระแสในประเทศและต่างประเทศเท่านั้น