“อิหร่าน” ตอกหน้า ไล่ “มะกัน” ไปคุยอ้อม หลัง “ทรัมป์” โวเจรจาตรงเสาร์นี้

"สหรัฐ"เงิบ "อิหร่าน"ไล่ คุยทางอ้อมผ่านคนกลาง หลัง "ทรัมป์" โว เจรจาตรงกับ"เตหะราน"เสาร์นี้ ด้าน "เนทันยาฮู" ยุ "วอชิงตัน" ทำสงครามกับ"อิหร่าน" เต็มรูปแบบ แนะ ทำแบบที่เคยทำใน"ลิเบีย" ระทึก "รัสเซีย จีน อิหร่าน" หารือไตรภาคี ปม "นิวเคลียร์"

ก่อนหน้านี้ สหรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ร่วมกับ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซียและอังกฤษ ลงนามข้อตกลงประวัติศาสตร์ ในปี 2558 ว่า จะผ่อนปรนมาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจแลกกับการจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ และยอมให้เจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศ เข้าไปตรวจสอบว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน มีวัตถุประสงค์ด้านพลเรือนอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งสมัยแรก ในปี 2016 ก็ประกาศถอนสหรัฐ ออกจากข้อตกลง หลังจากนั้นมา สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ระบุว่า อิหร่านเดินหน้าเสริมสร้างสต็อกแร่ยูเรเนียมสมรรถนะสูง ที่สามารถนำไปใช้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้จำนวนไม่น้อย

ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศระหว่างให้การต้อนรับ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (7เมษายน) ว่า สหรัฐ กำลังเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน และในวันเสาร์ที่ 12 เมษายนนี้ จะมีการเจรจาระดับสูงโดยตรง”กับอิหร่าน เกี่ยวกับการยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ และหวังว่า จะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลเตหะรานได้

ทรัมป์ ไม่ได้เปิดเผยว่า การเจรจาจะจัดขึ้นที่ไหน ใครจะนำทีมเจรจา แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เจรจาแบบมีคนกลาง และจะเป็นการเจรจา “ระดับเกือบสูงที่สุด” พร้อมกับย้ำว่า หากการทูตไม่ประสบผลสำเร็จ  อิหร่าน จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เขาไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่จะปล่อยให้ อิหร่าน มีอาวุธนิวเคลียร์ ไม่ได้เป็นอันขาด

ด้าน เนทันยาฮู เดินทางถึงอเมริกาแล้ว สิ่งแรกที่เขาต้องการคือ “ต้องการให้สหรัฐ ทำสงครามกับอิหร่าน อย่างเต็มรูปแบบ”

เนทันยาฮู แสดงความไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับอิหร่าน โดยเน้นย้ำว่า ต้องการปลดอาวุธนิวเคลียร์อิหร่านทั้งหมด และเสนอทางออกทางการทูต ในลักษณะเดียวกับที่ สหรัฐทำในลิเบีย เขาเชื่อว่า โอกาสที่สหรัฐและอิหร่าน จะบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์นั้นน้อยมาก

ทรัมป์ ส่งจดหมายถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เมื่อเดือนมีนาคม โดยส่งผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสนอเปิดเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน …. การประกาศล่าสุดของทรัมป์ สร้างความประหลาดใจ เพราะอิหร่านยืนกรานตรงกันข้ามว่า การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หากเกิดขึ้น จะเป็นการเจรจาทางอ้อมเท่านั้น …… นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน เพิ่งบอกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การเจรจาโดยตรงภายใต้คำขู่ใช้กำลังอยู่ตลอดเวลา จะไร้ความหมาย  อิหร่าน ยังสนับสนุนการทูตและการเจรจากับสหรัฐ แต่จะเป็นการพูดคุยผ่านคนกลางเท่านั้น และที่ผ่านมา ยังไม่มีการเจรจาใด ๆ เกิดขึ้น

หลังทรัมป์ประกาศไม่กี่นาที รอยเตอร์ส รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสอิหร่านว่า อิหร่านจะเจรจากับสหรัฐ ทางอ้อม โดยมี โอมาน เป็นคนกลาง ซึ่งอาจบ่งบอกว่า การเจรจาน่าจะขัดขึ้นที่โอมาน ประเทศที่ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับสหรัฐฯและอิหร่าน และเป็นช่องทางสื่อสารระหว่างสองคู่อริมาอย่างยาวนาน

นูร์นิวส์ สื่ออิหร่าน รายงานว่า การประกาศว่าจะมีการเจรจาโดยตรงกับอิหร่าน เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางจิตวิทยาของสหรัฐ เพื่อปั่นกระแสในประเทศและต่างประเทศเท่านั้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน การปรึกษาหารือไตรภาคี ระหว่าง รัสเซีย จีน และอิหร่าน เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่จัดขึ้นในกรุงมอสโก 7-8 เมษายน โดย สำนักข่าว TASS อ้างคำกล่าวของ เอสมาอิล บาแกอี โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ในงานแถลงข่าวเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์

ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประกาศว่า ทั้งสองฝ่าย ตกลงที่จะมุ่งเน้นความพยายาม ในการหา “ทางออกในการเจรจาที่เป็นไปได้และยั่งยืน” เพื่อแก้ไขอคติของชาวตะวันตก ที่มีต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

นอกจากนี้ อิหร่าน ยังยืนกรานว่า จะไม่เจรจาโดยตรงกับสหรัฐ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน แต่เรียกร้องให้การเจรจาทั้งหมด ดำเนินการผ่านคนกลาง อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ยืนยันจุดยืนของเตหะรานเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่าไม่มีการหารือกับสหรัฐ และจะไม่เกิดขึ้นโดยไม่มีการไกล่เกลี่ย

อาราฆชี โพสต์บนเทเลแกรม ย้ำว่า … เราได้แสดงจุดยืนของเราแล้ว เราสนับสนุนแนวทางการทูตและการเจรจา แต่ผ่านคนกลาง แน่นอนว่าควรเน้นย้ำว่า ยังไม่มีการเจรจาในลักษณะดังกล่าวแม้แต่รอบเดียว”

ความคิดเห็นของเขา มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ขู่ อิหร่านว่า จะทิ้งระเบิดหากอิหร่านไม่ยอมรับ “ข้อตกลงนิวเคลียร์” ฉบับใหม่ของเขา  อาราฆชี ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแนวคิดที่อิหร่านจะทำตามแบบแผนที่ลิเบียกำหนดไว้ ในปี 2003  ซึ่งเป็นช่วงที่ลิเบียละทิ้งโครงการอาวุธทำลายล้างสูง เพื่อแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร แต่ต่อมากลับถูกรุกรานและผู้นำของลิเบีย ถูกสังหาร

เขากล่าวด้วยว่า “สหรัฐ ได้แต่ฝันถึงผลลัพธ์เช่นเดียวกันนี้กับอิหร่านเท่านั้น”

การอ้างอิงถึง ลิเบีย ของ Araghchi ย้อนนึกถึงชะตากรรมของ อดีตผู้นำลิเบีย “มูอัมมาร์ กัดดาฟี” ที่ถูกกองกำลังกบฏ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก NATO จับตัว และสังหาร ในปี 2011 หลังจากตกลงที่จะปลดอาวุธ

กัดดาฟี ซึ่งผลักดันให้เกิดความสามัคคีของแอฟริกาและอธิปไตยทางเศรษฐกิจ ผ่านความพยายามต่าง ๆ เหมือนกับสกุลเงินที่หนุนหลังด้วยทองคำ เขาถูกสังหาร หลังจากการโจมตีทางอากาศของนาโตกับขบวนรถของเขา และถูกกองกำลังฝ่ายค้านประหารชีวิตโดยมิชอบด้วยกฎหมาย การเสียชีวิตของเขา หลายคนมองว่า เป็นการทรยศต่อข้อตกลงปลดอาวุธ และครั้งนี้ ก็ส่งผลอย่างมากต่อการประเมินแนวทางการทูตของสหรัฐ ที่กำลังคุกคามประเทศต่าง ๆ เช่น อิหร่าน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นฤมล-ธรรมนัส" ร่วมต้อนรับ "วีระพงษ์" นายกอบจ.มุกดาหาร สมัครสมาชิก พรรคกล้าธรรม มั่นใจอนาคตเลือกตั้งสนามใหญ่
"เสธหิ" พูดกระแทกใจ "อันที่สุดของไทยนั้นคือชาติ หากพินาศแล้วใครอยู่ได้หนอ"
สาวสุดช็อก จองตั๋วเครื่องบินไป จ.สกลนคร ราคาสูงทะลุ 1.4 หมื่นบาท
เกาหลีใต้จ่อเพิ่มการนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐ
สิงคโปร์ชี้สหรัฐทำลายระบบการค้าเสรีที่สร้างมากับมือ
เกาหลีใต้ประกาศเลือกตั้ง 3 มิถุนายน
อั้นไว้ก่อน ค่อยเติม พรุ่งนี้น้ำมันลด "เบนซิน-แก๊สโซฮอล์" ทุกชนิด ปรับราคาลง
“ปลัดฯแรงงาน” เผยจ่ายชดเชยลูกจ้างเสียชีวิต “ตึกสตง.ถล่ม” แล้ว กว่า 19 ล้าน พร้อมดูแลสิทธิผู้บาดเจ็บ ว่างงานเต็มที่
“กัน จอมพลัง” พา “คะน้า” ดาราสาว เข้าแจ้งความเอาผิด “ไฮโซเก๊” ตร.ไซเบอร์เตรียมออกหมายเรียกพรุ่งนี้
ทะเลเดือด "ฮูตี" ซัดขีปนาวุธ-โดรนถล่มเรือรบมะกัน 2 ลำโจมตีฐานทหารอิสราเอล

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น