รายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย ประจำเดือนเมษายน 2568 คาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อในภูมิภาคดังกล่าวจะลดลงเหลือร้อยละ 2.3 ในปี 2568 และร้อยละ 2.2 ในปี 2569 เนื่องจากราคาน้ำมันโลกและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ลดลงจะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
อัลเบิร์ต ปาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารฯ เผยว่าการคาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งจัดทำเสร็จก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศมาตรการภาษีใหม่เมื่อวันที่ 2 เม.ย. สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะชะลอตัวในปี 2568-2569
ปาร์กกล่าวว่าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเผชิญความท้าทายจากอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนทางการค้า แต่อุปสงค์ในประเทศที่มั่นคงและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคในกรณีที่สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีใหม่อย่างเต็มรูปแบบ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น
มาซาโตะ คันดะ ประธานธนาคารฯ กล่าวว่าเอเชียและแปซิฟิกกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ภูมิภาคแห่งนี้กำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
คันดะกล่าวว่าการยกระดับความร่วมมือในระดับภูมิภาคถือเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือความเปราะบางที่เผชิญร่วมกัน เช่น ความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงด้านพลังงาน และภัยพิบัติต่างๆ ขณะที่การเสริมความแข็งแกร่งสถาบันเพื่อความร่วมมือข้ามพรมแดนจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตและเสถียรภาพที่ยั่งยืน
เครดิต: ซินหัว