รอยเตอร์สรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้ออกมากล่าวในงานประชุมคณะกรรมการสภาคองเกรสของพรรคริพับลิกันแห่งชาติเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 8 เมย.) ว่าสหรัฐจะประกาศมาตรการภาษีสินค้านำเข้าผลิตภัณฑ์ยาครั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ เพื่อจูงใจให้บริษัทยาต่างๆย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ของยุโรป
ทรัมป์กล่าว่าอุตสาหกรรมผู้ผลิตยารอดมาได้จากมาตรการภาษีตอบโต้ทั่วโลกเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา แต่อีกไม่นานก็จะโดนภาษีอีกฉบับ
การประกาศของทรัมป์สร้างความวุ่นวายขึ้นทันทีในอุตสาหกรรมยาของยุโรป โดยบริษัทผู้ผลิตยายุโรปได้เตือนคณะกรรมการยุโรประหว่างการประชุมเมื่อวานนี้ว่ามาตรการภาษียาที่กำลังจะมีขึ้นจะเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมยายุโรปย้ายหนีไปอยู่สหรัฐกันหมด ขณะที่สหพันธ์อุตสาหกรรมและสมาคมเภสัชกรรมแห่งยุโรป (EFPIA) ซึ่งดูแลบริษัทยายักษ์ใหญ่ของยุโรป รวมทั้งไบเออร์, โนวาร์ติสและ โนโว นอร์ดิสก์ได้ต่อสายหาเออร์ซูล่า ฟอน เดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปทันทีเรียกร้องให้รีบหามาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตยายุโรป
EFPIA กล่าวว่าเคยเตือนอียูมาหลายครั้งแล้วว่าจะต้องปรับเปลี่ยนกฎข้อบังคับสำหรับอุตสาหกรรมยาให้เอื้อต่อนวัตกรรมและเสริมสร้างบทบัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ไม่เช่นนั้นจะสูญเสียการแข่งขันให้กับสหรัฐ, จีนและตลาดเกิดใหม่ และนี่ก็มีเรื่องกำแพงภาษีของทรัมป์เข้ามาอีก ขณะที่อียูเองก็ไม่มีแรงจูงใจ ก็จะยิ่งเป็นแรงขับดันให้ผู้ผลิตยาย้ายออกจากอียูเร็วขึ้น
ทั้งนี้อุตสาหกรรมยายุโรปแสดงความวิตกว่าภาษียาของทรัมป์จะขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานโลกรวมทั้งการเข้าถึงยาในยุโรป
ยุโรปและสหรัฐมีระบบห่วงโซ่อปทานยาที่เชื่อมโยงกัน และสหรัฐก็ต้องพึ่งพายาบางชนิดที่ผลิตในยุโรป ทำให้ต้องซื้อยาจากยุโรปเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลล่าร์ โดยปี 2566 อียูส่งออกยามูลค่า 9 หมื่น 7 พันล้านดอลล่าร์ให้สหรัฐ