AFP รายงานว่ารัฐบาลเวียดนามได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (พฤหัสที่ 10 เมย.) เผยว่ารองนายกรัฐมนตรีโฮ ดึ๊ก ฟุ๊ก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากนายโต ลัม เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นตัวแทนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันได้พบนายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐแล้วเมื่อวานนี้ (พุธที่ 9 เมย.) โดยทางสหรัฐเห็นชอบให้ผู้แทนการค้าจากทั้งสองฝั่งเริ่มการเจรจาพูดคุยเพื่อหาข้อยุติปมความขัดแย้งทางการค้าและมาตรการภาษีตอบโต้โดยทันที โดยเริ่มจากการพูดคุยในระดับเจ้าหน้าที่ปฏฺิบัติการ
การเจรจาระหว่างผู้แทนเวียดนามกับสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศให้ชลอมาตรการภาษีตอบโต้ทุกประเทศทั่วโลกยกเว้นจีนออกไปเป็นเวลา 90 วันเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรอง
แถลงการณ์ระบุว่านายฟุ๊คได้พบปะกับวุฒิสมาชิกและตัวแทนภาคธุรกิจของสหรัฐหลายราย โดยผู้แทนสายการบินเวียดเจ็ตได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐกับบริษัทเอวี แอร์ไฟแนนซ์ของสหรัฐ ซื้อเครื่องบินโบอิ้งมาเสริมฝูงบินของตน โดยมีนายฟุ๊คร่วมเป็นประจักษ์พยาน ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลล่าร์ระหว่างเวียดเจ็ตกับบริษัทการบินสหรัฐ
ด้านเอวี แอร์ไฟแนนซ์กล่าวว่าเวียดเจ็ตจะได้รับเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ลำแรกในปีนี้ ซึ่งสั่งซื้อไปตั้งแต่ปี 2562
ก่อนหน้านี้ เวียดนามได้ขอให้สหรัฐชลอการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ออกไปอย่างน้อย 45 วันหลังจากทรัมป์สั่งจัดเก็บสูงถึง 46% โดยกล่าวหาว่าเวียดนามเก็บภาษีสินค้าสหรัฐ 90% และยังให้จีนใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าเพื่อส่งไปสหรัฐด้วย ซึ่งเวียดนามให้คำมั่นจะซื้อสินค้ารวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐมากขึ้น