CNN, AP และ CCTV รายงานว่ากระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ (ศุกร์ที่ 11 เมย.) ว่าจีนจะจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 125% เพิ่มขึ้นจาก 84% ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อตอบโต้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนเป็น 145 % เมื่อวานนี้ (พฤหัสที่ 10 เมย.) โดยเจตนาพุ่งเป้าโจมตีจีนโดยเฉพาะ หลังจากที่สั่งชลอการเก็บภาษีชาติอื่นๆออกไป 90 วัน แต่ยกเว้นจีนเพียงประเทศเดียว
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่าหากสหรัฐจะเก็บภาษีจีนเพิ่มอีก จีนก็จะไม่ตอบโต้และไม่เพิ่มอัตราภาษี เพราะอัตราภาษีที่สูงขนาดนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกที่ไม่เชื่อถือ และสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐต้องการที่กลั่นแกล้งและบีบบังคับจีนเพียงฝ่ายเดียว และผู้ประกอบการของจีนคงไม่คิดที่จะนำเข้าสินค้าอเมริกันอีกต่อไป และว่าจีนจะยื่นฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลกหรือ WTO ในวันนี้
การประกาศขึ้นภาษีโต้กลับสหรัฐครั้งล่าสุดวันนี้มีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้การต้อนรับและประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ผู้นำสเปนที่เดินทางมาเยือนกรุงปักกิ่งในวันนี้ (ศุกร์ที่ 11 เมย.) ซึ่งระหว่างการหารือ สีกล่าวว่าจีน “ไม่กลัว” สหรัฐ และว่าไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า พร้อมเตือนว่าการที่สหรัฐเปิดศึกการค้ากับทุกประเทศทั่วโลก จะนำไปสู่การทำลายตัวเอง และว่าในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา จีนไม่เคยพึ่งพาใคร จีนพัฒนาประเทศจากการพึ่งพาตนเองและจากการทำงานหนัก ดังนั้นจีนไม่เคยกลัวการกดขี่ที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งถือเป็นการพูดในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกในประเด็นสงครามการค้าจีน-สหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์สอง โดยก่อนหน้านี้สีมักหลีกเลี่ยงไม่แสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมาแบบนี้เวลาออกงานหรือกล่าวปราศรัยในที่สาธารณะ
สียังกล่าวต่อว่าไม่ว่าจะเจอแรงกดดันจากภายนอกขนาดไหน จีนยังคงเชื่อมั่น และมุ่งมั่นกับกิจการของตัวเองต่อไปแบบไม่หวั่นไหว
นอกจากนี้ผู้นำจีนยังเรียกร้องสเปนและสมาชิกอียูให้ผนึกกำลังกับจีนต่อต้านพฤติกรรมก้าวร้าวของสหรัฐ
ด้านผู้นำสเปนได้แถลงข่าวหลังการพูดคุยกับประธานาธิบดีสีว่าเขามั่นใจว่าทุกประเทศทั่วโลกต้องการให้สหรัฐและจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอันดับ 1 และ 2 หันมาพูดคุยเจรจาเพื่อหาข้อยุติพิพาททางการค้าระหว่างกัน พร้อมย้ำคำพูดของสีว่าไม่มีใครชนะในสงครามการค้า