ส่วนนางสาวธนัชพร เหล็กกล้า ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณสถานีอุดมสุข บอกว่า ปัจจุบันตนเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ค่อนข้างสะดวก รวดเร็ว และลดปัญหาลดติดได้มาก แต่หากรถไฟฟ้าจะต้องหยุดวิ่ง ก็ต้องกลับมาใช้รถส่วนตัว รถเมลล์ ซึ่งการจราจรค่อนข้างติดขัด หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้หยุดวิ่ง แต่ก็เข้าใจเอกชนที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการให้บริการ

จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 2 ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยได้สอบถาม นางวรนุช มีศรี ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า ระบุว่า ปัจจุบันใช้บริการรถไฟฟ้าในการเดินทางไปตลาดสะพานใหม่ ตลาดสายหยุด เพื่อซื้อกับข้าวในทุกวัน เพราะสะดวกสบายแถมขึ้นลงง่าย เพราะมีบันไดเลื่อนและลิฟต์ไว้คอยบริการ อีกทั้งค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ก็ถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยระบบสาธารณะอื่น หากรถไฟฟ้าหยุดให้บริการยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางอย่างมาก เพราะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ทั้งการขึ้นลงรถค่อนข้างลำบาก

ด้านนางพิมพ์นิภา ธุระพัฒน์ ที่เดินทางมาพร้อมครอบครัว บอกว่า แม้ตนจะไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าบ่อยนัก แต่เมื่อมาใช้บริการรถไฟฟ้าที่มีการเชื่อมต่อครอบคลุม ทำให้เดินทางได้สะดวกสบายรวดเร็วมากขึ้น แต่หากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 หยุดให้บริการ เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อผู้เดินทางอย่างมาก ทั้งในส่วนของการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ที่มาใช้บริการต่างยอมรับว่า หากรถไฟฟ้าบีทีเอสหยุดให้บริการจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเกี่ยวกับการเดินทางของประชาชน เห็นได้จากในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว ที่รถไฟฟ้าหยุดให้บริการ ทำให้ประชาชนต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่น ทำให้การเดินทางล่าช้าลงไปมาก

ทั้งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนกรุงเทพฯที่สะท้อนความเห็นผ่านท็อปนิวส์ ต่างมีความห่วงใยปัญหาที่เกิดขึ้นกับความล่าช้าในการชดใช้หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยาย เพราะอาจทำให้ บีทีเอส ในฐานะผู้ให้บริการ เกิดผลกระทบทางธุรกิจ จึงอยากให้กทม. รวมไปถึงรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า ผู้บริหารกทม. และนายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจอย่างไร ต่อมูลหนี้ค้างจ่ายและภาระดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 5.4 ล้านบาท