ซินหัวและ AFP รายงานว่าสุลต่านแห่งมาเลเซียทรงให้การต้อนรับประธานาธิบดีสีอย่างอบอุ่นและพระราชทานงานเลี้ยงอาหารกลางวันภายในพระราชวังในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนเข้าพบหารือและลงนามในข้อตกลงทวิภาคีและบันทึกความเข้าใจ (MOU) หลายฉบับกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งรวมทั้งความร่วมมือด้านเทคโนโลยี, AI, สื่อ, ภาพยนตร์และการท่องเที่ยว
ด้านคู อิง ฮอย ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมาลายา ของมาเลเซียกล่าวว่าการเยือนของสีจิ้นผิงไม่ใช่แค่เรื่องมิตรภาพเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายเพื่อกำหนดภาพพจน์ให้จีนเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่เป็นประเทศเจ้าโลก โดยหวังเป็นพันธมิตรทางเลือกมาแทนที่สหรัฐภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่สั่งฟันภาษีทุกชาติสมาชิกอาเซียน ไม่เว้นแม้แต่ชาติพันธมิตรสนิทอย่างสิงคโปร์, ไทยและเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาโดนหนักที่สุด 46 และ 49 % ตามลำดับ แม้จะชลอไป 90 วัน แต่ทรัมป์ก็ประกาศแล้วว่าไม่มีใครรอดภาษีตอบโต้ไปได้ ซึ่งการเยือนอาเซียนครั้งนี้เป็นการหยั่งเสียงดูท่าทีของอาเซียน เพื่อมุ่งปรับศูนย์กลางภูมิภาคไปทางจีนมากขึ้นแทนที่สหรัฐ เพราะมาตรการภาษีของทรัมป์เสี่ยงต่อการทำให้สมาชิกอาเซียน แม้แต่ชาติที่เป็นพันธมิตรตัดสินใจหันหลังและตีตัวออกห่างจากสหรัฐได้ นอกจากนี้ก็เป็นการส่งสัญญานจากผู้นำจีนถึงพันธมิตรอาเซียนว่า “อย่าให้ภาษีของทรัมป์มาบ่อนทำลายความเป็นปึกแผ่นของเอเชีย”
ทั้งนี้ประธานาธิบดีสีจะเดินทางต่อไปยังกัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (พฤหัสที่ 17 มย.) ซึ่งกัมพูชาถือเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นและจีนได้เข้าไปลงทุนในหลายภาคอุตสาหกรรมในกัมพูชา