BBC และบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (ศุกร์ที่ 18 เมย.) ว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ออกแถลงการณ์เผยแผนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเรือสินค้าจีนที่จอดแวะท่าเรือของสหรัฐ โดยจะเก็บตามน้ำหนักสินค้าหรือจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคาดว่าอาจทำให้เรือสินค้าจีนต้องจ่ายค่าขนส่งและค่าใช้บริการท่าเรือสหรัฐเพิ่มถึง 1 ล้าน 5 แสนดอลล่าร์สหรัฐต่อการแวะจอดแต่ละครั้ง ท่ามกลางความวิตกว่าค่าธรรมเนียมของสหรัฐจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันและความปั่นป่วนต่อระบบการค้าโลก นอกเหนือไปจากกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำหรับค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเรือสหรัฐ เจ้าของเรือสินค้าจีนหรือผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตรา 50 ดอลล่าร์ต่อสินค้า 1 ตันในปีแรก และปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นอีก 30 ดอลล่าร์ต่อตันเป็นเวลา 3 ปี
ส่วนเรือที่ต่อในจีนจะถูกเก็บในอัตรา 18 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 120 ดอลล่าร์ต่อตู้คอนเทนเนอร์และจะเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีแรก
ขณะที่เรือบรรทุกรถยนต์จะถูกเก็บในอัตรา 150 ดอลล่าร์ต่อรถ 1 คัน และไม่ให้แวะเกิน 5 ครั้งต่อปี โดยจะเริ่มบังคับใช้ภายในเวลา 180 วันหรือ 6 เดือน
แต่เรือสินค้าที่วิ่งระหว่างท่าเรือสหรัฐ หรือจากท่าเรือสหรัฐไปหมู่เกาะแคริบเบียนหรือหมู่เกาะที่เป็นดินแดนของสหรัฐจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม
แผนจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรืออเมริกันซึ่งสหรัฐเริ่มประกาศมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เรือสินค้าจีนต่างพากันเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังอังกฤษและประเทศอื่นๆในยุโรปแทนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ท่าเรืออังกฤษและยุโรปเริ่มประสบปัญหาการแออัด ขณะที่ผู้ประกอบการต่างออกมาเตือนว่าภาระค่าใช้จ่ายและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ทบกับกำแพงภาษี 245% ที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีนจะกลายเป็นราคาสินค้าที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันจะต้องจ่าย