จากกรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีนอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) แห่งใหม่ ความสูง 30 ชั้นถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 ต่อมามีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งสิ้น 36 ราย โดยมี ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และมี พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน รวมถึงมีการประชุมเปิดคดีของคณะพนักงานสอบสวนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งต่อมาคณะพนักงานสอบสวนได้มีการกระจายการดำเนินงาน มีการลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนญาติของ 3 กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยใน บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ รวบรวมหลักฐานขอหมายศาลเข้าตรวจค้น 4 พื้นที่เป้าหมาย บริษัท คาร์ฮัพ จำกัด , กิจการร่วมค้า PKW , บริษัท ว.และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ร่วมบูรณาการหน่วยงานอื่น ออกหนังสือเชิญบุคคลซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องในเอกสารการก่อสร้างตึก สตง. เข้าให้ข้อมูล นำทีมอายัด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ใต้อาคารจอดรถ ตึก สตง.ถล่ม หลังสืบสวนพบมีการเก็บเอกสารสำคัญบริเวณไซต์ก่อสร้างของกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี และกิจการร่วมค้า PKW เป็นต้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ สำหรับนำเข้าสำนวนคดี อีกทั้งในการประชุมติดตามความคืบหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่าหากหลักฐานมีความเพียงพอเมื่อใดให้ออกหมายจับได้ทันที ซึ่งการออกหมายจับใกล้เข้ามาแล้ว ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น