เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจทำเนียบขาว กล่าววานนี้ (18 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และคณะทำงาน กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะปลดนายพาวเวลล์ออกจากตำแหน่งประธานเฟด หลังจากที่ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง ถึงขั้นพูดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 เมษายน) ว่าพาวเวลล์จะต้องพ้นจากตำแหน่งอย่างรวดเร็ว หากเขาสั่ง ก่อนหน้านั้นทรัมป์ ยังโพสต์สื่อสังคมออนไลน์ว่า พาวเวอร์ขยับตัวช้าเกินไปและผิดพลาดเสมอ ราคาน้ำมันลงแล้ว ของชำก็ถูกลง สหรัฐฯกำลังร่ำรวยขึ้นจากภาษี พาวเวลล์ควรลดภาษีลงเดี๋ยวนี้
พาวเวลล์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่สอง และจะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2569 เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าไม่มีแผนลาออกก่อนกำหนด และยืนยันว่า ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง เป็นเรื่องของกฎหมาย
ทรัมป์ต้องการให้พาวเวลล์ ลดดอกเบี้ยเพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า แผนภาษีศุลกากรของรัฐบาล จะเป็นแรงกดดันต่อราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างน้อยที่สุดในระยะสั้น ซึ่งนั่นจะทำให้เป้าหมายคุมเงินเฟ้อระยะยาวที่อัตรา 2% ของเฟด ห่างไกลออกไป และทำให้เฟดยังไม่สามารถลดดอกเบี้ยในอีกสองสามเดือนข้างหน้า สเตฟานี รอธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันวิจัย โวล์ฟ กล่าวว่า เฟดจะไม่ขยับ เพียงเพราะทรัมป์โพสต์ว่าควรลดดอกเบี้ย เพราะการทำเช่นนั้น จะเป็นสูตรความหายนะของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่มีอำนาจปลดประธานเฟด หรือคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด หากไม่มีเหตุผลอันควร และความเห็นต่างกันทางนโยบายไม่ใช่เหตุผลอันควร ระบบธนาคารกลางสหรัฐที่วางรากฐานนานกว่า 100 ปี ออกแบบไว้เพื่อป้องกันการแทรกแซงทางการเมือง รอธ กล่าวว่า ความเป็นอิสระคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับเฟด ประเทศที่ไม่มีธนาคารกลางที่อิสระ มีสกุลเงินอ่อนค่าอย่างเห็นได้ชัดและดอกเบี้ยสูงอย่างเห็นได้ชัด
ภัยคุกคามสถานะความเป็นอิสระของเฟด มาจากการที่รัฐบาลทรัมป์ กำลังยื่นอุทธรณ์กรณีการปลดหัวหน้าหน่วยงานคุ้มครองข้าราชการสองแห่ง ซึ่งเป็นการท้าทายคำพิพากษาของศาลสูงสุดสหรัฐฯเมื่อปี 1935 ที่ตัดสินว่าประธานาธิบดี ไม่มีสิทธิปลดหัวหน้าองค์กรอิสระ โดยไม่แสดงเหตุผลอันควร ต่อรัฐสภา เช่น ประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรง ซึ่งผลของคำตัดสินอาจมีผลพัวพันถึงเฟด แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า ต่อให้รัฐบาลทรัมป์ชนะในศาล ยังอาจเจอปราการป้องกันความเป็นอิสระของเฟดอีกด่าน นั่นคือตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หลังจากทรัมป์ประกาศแผนภาษีศุลกากรตอบโต้คู่ค้า ปรากฏว่า นักลงทุนทั่วโลกเริ่มเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ผลตอบแทนเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ และค่าเงินดอลลาร์ตก เป็นสัญญาณว่านักลงทุนอาจไม่ได้มองว่าสหรัฐฯเป็นแหล่งปลอดภัยสำหรับการลงทุนอย่างที่เคยเป็น
ความผันผวนของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลทรัมป์ตัดสินใจชะลอการบังคับใช้ภาษีนำเข้าอัตราใหม่กับคู่ค้าหลายสิบประเทศออกไป 90 วัน ซึ่งช่วยลดความตื่นตระหนกในตลาดลงได้ หากนักลงทุนเชื่อว่า ความเป็นอิสระของเฟดในการรับมือกับเงินเฟ้อย่อหย่อนลง อาจดันผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสูงขึ้นอีก บนข้อสันนิษฐานว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในระยะยาว และจะเป็นแรงกดดันย้อนกลับไปที่รัฐบาล ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์บริษัท KPMG บอก AFP ว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่สามารถควบคุมตลาดพันธบัตรได้ นั่นคือคติสอนใจของเรื่องนี้ และเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องรักษาความเป็นอิสระของเฟด