นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า หลังจากมหาวิทยาลัยฮาร์ดวาร์ด ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาว่า จะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของรัฐบาลหลายข้อ เช่น ปรับเปลี่ยนการจ้างบุคลากร การรับนักศึก และปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับนโยบายอนุรักษ์นิยม ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามรายละเอียดในอีเมลที่ได้รับจากรัฐบาล 3 วันก่อนหน้านั้น ปรากฏว่า แทบจะทันที มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่ง โทรศัพท์บอกกับทางฮาร์วาร์ด ว่า อีเมลจากคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการปราบปรามกระแสต้านยิวของทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เมษายน ยังไม่ได้รับการอนุมัติ และยังไม่ควรถูกส่งออกไป
สื่อใหญ่สหรัฐฯ อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า ผู้ส่งอีเมล์คือ ฌอน เคเวนีย์ รักษาการที่ปรึกษากฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจ ฯ แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด อีเมลจึงถูกส่งออกไปถึงผู้รับเมื่อ 11 เมษายน เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบางคนเชื่อว่า เป็นการส่งออกก่อนเวลาอันควร อีกส่วนเข้าใจว่า อาจตั้งใจส่งเวียนภายในคณะทำงานเฉพาะกิจ แต่เผลอส่งไปฮาร์วาร์ดด้วย
แม้เนื้อหาในอีเมลถูกต้องเป็นจริง แต่จังหวะเวลาที่ส่งไป ส่งผลใหญ่โตตามมา ทั้งที่ในช่วงเวลานั้น เจ้าหน้าที่ฮาร์วาร์ด ยังเชื่อว่า อาจจะมีทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทรัมป์ได้ เพราะฮาร์วาร์ดพูดคุยกับคณะทำงานเฉพาะกิจตลอดสองสัปดาห์ก่อนหน้า แต่จู่ ๆ กลับได้รับอีเมลที่มีข้อเรียกร้องสุดโต่ง ทำให้ฮาร์วาร์ดสรุปว่า การทำความตกลงกับรัฐบาลคงเป็นไปไม่ได้แล้ว และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพุ่งชน
หลังจากที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศไม่รับข้อเรียกร้องออกสู่สาธารณะ รัฐบาลทรัมป์ก็ประกาศระงับเงินสนับสนุนกว่า 7 หมื่นล้านบาท และขู่ว่าจะเพิกถอนฮาร์วาร์ด จากสถานะองค์กรที่ได้รับการละเว้นภาษี
แม้อีเมลอันเป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่างใหญ่ ระหว่างรัฐบาลกับมหาวิทยาลัยเก่าแก่และศูนย์วิจัยชั้นนำของโลก ถูกส่งออกไปแบบผิดพลาด แต่เมย์ เมลแมน นักวางกลยุทธ์ทางนโยบาย ทำเนียบขาว กล่าวโทษว่า เป็นความบกพร่องโดยหน้าที่ของทนายฝั่งฮาร์วาร์ด แทนที่จะยกหูโทรศัพท์สอบถามสมาชิกในคณะทำงานเฉพาะกิจฯ ที่เคยพูดคุยกันมาตลอดหลายสัปดาห์เสียก่อน กลับเลือกเล่นบทเหยื่อ แต่ยังมีหนทางที่จะกลับมาเจรจากันอีกครั้ง หากมหาวิทยาลัยดำเนินการตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการ และขอโทษนักศึกษา กรณีสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นสถานที่ต่อต้านชาวยิว
ขณะที่ฮาร์วาร์ด โต้กลับทำเนียบขาว ว่า อีเมลฉบับนี้ มีลายเซ็นของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางถึง 3 คน ประทับหัวจดหมายทางการ ส่งจากกล่องอีเมลของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางระดับสูง และส่งเมื่อวันที่ 11 เมษายนตามที่เคยระบุไว้ ผู้รับจดหมายลักษณะนี้จากรัฐบาลสหรัฐฯ คงไม่มีคำถามว่าเป็นจดหมายจริงหรือไม่ ต่อให้มีข้อเรียกร้องมากมายอย่างน่าตกใจก็ตาม แต่ที่ยังไม่ทราบชัดเจนก็คือ มีถ้อยคำหรือการกระทำใดบ้างของรัฐบาล ที่บอกว่าเป็นความผิดพลาด และสิ่งใดบ้างที่ตั้งใจจะพูดหรือทำจริง ๆ การส่งจดหมายอาจพลั้งพลาด แต่การกระทำของรัฐบาล ส่งผลตามมาอย่างแท้จริงต่อนักศึกษาและบุคลากร ตลอดจนสถานะของการศึกษาขั้นสูงของสหรัฐฯอเมริกาในโลกนี้