วันที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 15.40 น. กัน จอมพลัง พร้อมครอบครัวของผู้เสียหาย ได้เดินมาที่สภ.ลำลูกกา เพื่อมาพบกับพนักงานสอบสวนและนายพีช โดยกัน จอมพลัง ระบุว่า วันนี้พาทางครอบครัวพร้อมกับพยานที่เห็นเหตุการณ์มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยวันนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ฝั่งนายพีชที่พูดว่าอยากจะพบเจอเพื่อขอโทษหรือพูดคุยกับทางฝั่งครอบครัวของผู้เสียหาย แต่จากที่ตนเองพูดคุยกับครอบครัวก็อยากให้พบเจอกันในที่แจ้งต่อหน้าสื่อ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่านายพีชสำนึกผิดจริงหรือไม่ หรือถูกกดดันจากสังคมจึงออกมาขอโทษ เนื่องจากเมื่อวานนี้นายพีชได้พูดในรายการหนึ่งว่า หากลุงและป้าผู้เสียหายจอดรถ ก็จะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
กัน จอมพลัง กล่าวต่อว่า ซึ่งคดีในช่วงแรกนั้นทางฝั่งตำรวจทางหลวงก็ได้สรุปแล้วว่าเป็นการประมาทร่วม ตนเองมองว่าหากมีความเอื้ออาทรกันบนท้องถนน เหตุการณ์ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น และจากคำกล่าวอ้างต่างๆของนายพีช แต่หากเทียบกับคลิปและตามคำบอกเล่าของฝั่งครอบครัวผู้เสียหาย ตนมองว่าคนละเรื่อง
โดยในวันนี้วันนี้จะนำข้อมูลต่างๆที่พยานนำมาให้ในส่วนที่น่าสนใจก็คือ เรื่องของความเร็ว ที่มีพยานบางคนเห็นว่าก่อนหน้านี้ เจอกับรถของนายพีช บนเส้นทางด่วนดังกล่าว พบว่ามีการขับเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง จึงอยากให้ทางตำรวจสอบว่าความเร็วที่ใช้ในเวลานั้นอยู่ที่เท่าไร หากความเร็วออกมาสูงการเบียดในลักษณะแบบนั้นจะสามารถทำให้ลุงกับป้าเสียชีวิตได้หรือไม่ อีกประเด็นคือให้สอบหมอที่รักษาลุง ว่าอาการกระดูกซี่โครงหัก 6 ซี่ สามารถทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่ จะสามารถเพิ่มข้อกล่าวหาได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องที่นายพีชมีการลงบันทึกประจำวันไว้ในช่วงวันเกิดเหตุที่แจ้งว่าลุงขับชนตัวเอง ส่วนนี้จะเป็นการลงข้อความเท็จในเอกสารหรือไม่
กัน จอมพลัง เปิดเผยอีกว่า ก่อนที่ตนเองจะมามีพี่ชายของตนเองโทรหา ขอตนเองในบางเรื่อง ตนจึงขอกลับไปว่า ให้หยุดปากแจ๋ว และขอให้นายพีชรู้สึกผิดจริงๆ และให้รับผิดชอบผู้เสียหายแบบเต็มที่ มองว่าจะเยียวยาในส่วนใดบ้าง เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นให้ใครมาบอก คนที่อาสารับใช้ประชาชนต้องคิดได้ และตามคำกล่าวอ้างของนายกเบี้ยวมี่บอกว่านายพีชว่ายังเด็ก อ่อนไหวและอ่อนประสบการณ์ จึงอยากถามกลับอีกว่า หากยังอ่อนไหวและอ่อนประสบการณ์จะมารับใช้ประชาชนได้หรือ
กัน จอมพลัง ย้ำว่า ไม่กังวลว่านายพีชจะเป็นลูกนักการเมือง หรือนามสกุลดังหรือรวย อยากให้ทราบว่าคนจนก็มีแรงสู้ และต้องได้รับความยุติธรรม นอกจากนี้ที่ตำรวจได้ปล่อยตัวนายพีช โดยไม่ให้วางหลักทรัพย์ในการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะนายพีชมามอบตัว บรรทัดฐานตรงนี้เป็นแบบนี้กับทุกคนหรือไม่
ด้านนางสาวแสงอรุณ หาญเหมย ลูกสาวผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวานที่นายพีชขอโทษผ่านทางรายการ มองว่านายพีชถูกกดดันจากสังคมและสื่อ จึงอยากทราบว่านายพีชรู้สึกผิดจริงหรือไม่ แต่จากเมื่อวานที่ดูไม่เห็นความจริงใจเท่าไร มองว่าที่ออกมาขอโทษจะนำไปประกอบในการลดทอนโทษของคดีหรือไม่ อาจเป็นการช่วยเหลือตนเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถพูดคำว่าอภัยได้ เพราะพ่อแม่ตนเองยังอยู่โรงพยาบาล อยากเห็นความรับผิดชอบแบบชัดเจน รวมถึงอยากได้รับความปลอดภัยทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตนเองและแม่ยังคงหวาดระแวงอยู่ นอนไม่หลับตั้งแต่วันเกิดเหตุ รู้สึกว่าครอบครัวตนเองเป็นเพียงคนธรรมดาตัวเล็กๆ ซึ่งตัวแม่เองก็ยังไม่พร้อมเจอเพราะยังคงกลัวอยู่
ตนเองคิดว่าหากกัน จอมพลัง ไม่มาช่วยคงไม่ได้รับคำขอโทษ และเรื่องคงไม่ดำเนินไว ส่วนเรื่องการเมือง ตนไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ ตนเองอยากให้มาขอโทษกลางสื่อ เพื่อแสดงความจริงใจ นายพีชยกมือไหว้คุกเข่าขอโทษลูกสาวผู้เสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ทางนายกเบี้ยว และนายพีชถือพวงมาลัย 2 พวง พร้อมยกมือไหว้ กัน จอมพลัง จึงถามถึงเรื่องที่กล่าวในรายการที่นายพีชพูดว่า ”หากลุงจอด เรื่องจะไม่เกิดขึ้น“ ทางครอบครัวติดใจในเรื่องนี้ แต่ทางนายกเบี้ยว ตอบว่า “เข้าใจ แต่เห็นใจผมบ้าง ผมเหนื่อยแล้วนะ” ก่อนที่ กัน จอมพลัง จะบอกว่า ” ก็เข้าใจฝั่งครอบครัวบ้าง“ ในจังหวะนั้นนายพีชจึงคุกเข่าลงต่อหน้าลูกสาวของผู้เสียหายเตรียมที่จะขอโทษ จากนั้นลูกสาวของผู้เสียหายก็ยื่นมือจะรับพวงมาลัย แต่ทางด้าน กัน จอมพลัง ได้ดึงตัวลูกสาวผู้เสียหายออก พร้อมกล่าวว่า ”แบบนี้มัดมือชกเกินไป“
จากนั้นนายพีชได้พูดน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมก็ขอโทษพี่นุ๊ก พี่นิก และคุณลุงคุณป้า ผมไม่เจตนาให้เป็นอย่างนั้น” กัน จอมพลัง สวนกลับมาทันทีว่า “ร้องไห้แล้วหรอ” นายพีชจึงกล่าวต่อว่า ”และเรื่องค่าเสียหายทั้งหมดค่ารถ ค่าพยาบาล ยินยอมที่จะดูแลให้ ซึ่งเรื่องที่ตนไม่ได้ดูแลตั้งแต่วันแรกตนยอมรับว่าตกใจจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหนีไปไหน รู้สึกผิดที่ทำให้ลุงบาดเจ็บ หากมองย้อนกลับเป็นเป็นครอบครัวตนเอง ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน มาวันนี้ก็ตั้งใจที่จะมาขอโทษแล้วก็ขอโอกาสสังคม หยุดด่าตนเอง“