“พีระพันธุ์” โต้พรรคส้ม ยันสัญญาซื้อไฟ 5,200 MW ทำตามกม. หากพบผิดยกเลิกสัญญาได้ทันที

“รองโฆษก รบ.” โต้พรรคส้มปมสัญญาซื้อไฟ 5,200 MW เผย ‘พีระพันธุ์’แจงชัดโครงการประมูลไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ เพื่อพลังงานที่มั่นคงของประเทศ ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ หากพบผิดยกเลิกสัญญาได้ทันที ไม่ต้องรอ 25 ปี

“พีระพันธุ์” โต้พรรคส้ม ยันสัญญาซื้อไฟ 5,200 MW ทำตามกม. หากพบผิดยกเลิกสัญญาได้ทันที

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกกรณีที่พรรคประชาชน และนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนออกมาโวยว่าวันที่19 เมษายนที่ผ่านมา ถึงกำหนดวันที่รัฐบาลนัดเอกชนลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 5,200 เมกะวัตต์ ส่งผลให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าที่ควรเป็นกว่า 1 แสนล้านบาทตลอดระยะเวลา 25 ปี เพราะเป็นโครงการที่กำหนดอัตรารับซื้อสูงกว่าที่ควรจะเป็น คือ 2.2 บาทต่อหน่วย และอ้างว่ายังส่อแววทุจริตอีกหลายประการ อาทิ ไม่มีการเปิดประมูลแข่งขันราคา ศาลปกครองเองยังเคยวินิจฉัยว่าโครงการนี้เข้าข่ายส่อไปในทางทุจริต เป็นการล็อกประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานบางกลุ่มหรือไม่

ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย.) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า เรื่อ การเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านได้ตั้งกระทู้ถามในสภาเมื่อเดือนที่ผ่านมา และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตอบไปอย่างครบถ้วนแล้ว ซึ่งโครงการประมูลดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2565 ในรัฐบาลที่ผ่านมา ในรอบแรกประมูลขนาด 5,200 เมกะวัตต์ ซึ่งหลังจากการประมูลเสร็จสิ้น ผู้ที่ไม่ได้รับคัดเลือกได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ แต่ล่าสุดศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยยกฟ้องทุกกรณีแล้ว จึงไม่มีข้อกฎหมายใดเป็นอุปสรรคต่อการลงนามในสัญญาอีกต่อไป และการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งจึงเริ่มทยอยดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขกำหนดให้ กฟผ.ต้องลงนามในสัญญาภายในสอง 2 ปี โดยในส่วนของไฟฟ้าจากแสงแดดจะครบกำหนดในวันที่ 18 เมษายน 2568 ส่วนพลังลมครบกำหนดภายในปี 2569

 

 

สำหรับการซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวน 5,200 เมกกะวัตต์ในเฟสแรกนั้น ประมูลที่ 4,852 เมกกะวัตต์ มีสัญญาทั้งสิ้น 175 ฉบับ มีโครงการที่ กฟผ.เกี่ยวข้อง 83 โครงการ และเซ็นสัญญาแล้ว 67 โครงการ โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 และทางกฤษฎีกาได้ให้ข้อเสนอแนะว่า เนื่องจากเซ็นลงนามสัญญาไปแล้ว หากยกเลิกหรือชะลอการเซ็นลงนามสัญญาส่วนที่เหลือ อาจจะทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมาย ในส่วนของ 16 โครงการที่ยังไม่ได้ลงนามนั้น หากจะหยุดกระบวนการทันที จะทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมาย เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนที่ดำเนินการล่วงหน้าแล้ว และ กฤษฎีกาได้แนะนำให้ กฟผ.ใส่เงื่อนไขในสัญญาเพิ่มเติมว่า หากภายหลังพบว่าการประมูลมีปัญหาทางกฎหมายหรือผิดขั้นตอนใดๆ ก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ โดยไม่ต้องรอให้ครบสัญญา 25 ปี ดังนั้น ทั้ง 3 สัญญาที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา จึงได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ต้องลงนามในสัญญาภายใน 2 ปีและปรับเงื่อนไขของสัญญาตามคำแนะนำของกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ขอให้วางใจได้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกอีกว่า 16 สัญญาที่เหลือ นายพีระพันธุ์ยังได้หารือกับผู้ว่าการ กฟผ.เพื่อหาช่องทางทางกฎหมายในการชะลอการลงนาม เพื่อให้มีเวลาตรวจสอบประเด็นที่สังคมกังวลอย่างรอบคอบ โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานงานลม ซึ่งจะครบกำหนดในปี 2569 ซึ่งขณะนี้ ผู้ว่าฯ กฟผ. กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้มั่นใจว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้จะไม่เป็นข้อผูกมัดไป 25 ปี เพราะสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันทีหากพบว่ามีการกระทำผิด อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่เป็นเงื่อนไขที่กำหนดโดย กกพ. ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 และรัฐมนตรีพลังงานไม่มีอำนาจใน กกพ.เลย ส่วน กฟผ.นั้น รัฐมนตรีพลังงานมีอำนาจแค่กำกับ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในเชิงโครงสร้างที่ต้องแก้ไข ซึ่งนายพีระพันธุ์ระบุชัดว่าหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการปฏิรูปพลังงานคือ ปัญหากฎหมายที่จำกัดอำนาจรัฐมนตรีในการกำกับดูแลอย่างแท้จริง รัฐบาลจึงอยู่ระหว่างการเร่งแก้ไขกฎหมายเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่เปิดช่องให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนใดๆ ในอนาคต

นางสาวศศิกานต์ยืนยันว่า หากมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการใดผิดกฎหมายหรือไม่ชอบด้วยขั้นตอน ก็สามารถดำเนินการยกเลิกสัญญาได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบอายุสัญญา 25 ปี พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย อีกทั้งรัฐบาลพร้อมรับฟังทุกเสียงของประชาชนและฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ แต่ขอให้การนำเสนอข้อกล่าวหาเป็นไปอย่างรอบคอบและยึดข้อเท็จจริง มิใช่การบิดเบือนเพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

‘เต้ มงคลกิตติ์ ’ เตือน ‘กัน จอมพลัง’ ถอยเพื่อรักษาชีวิต จำบทเรียนทนายตั้มไว้เป็นตัวอย่าง
"ซูเปอร์โพล" เผยคนไทยหลังสงกรานต์ ยังทุกข์ปัญหาศก. คงเชื่อมั่นศักยภาพ "นายกอิ๊งค์"
ทูตจีนประจำสหรัฐเรียกร้องทรัมป์ยุติสงครามการค้า
“ฮุนเซน” หัวร้อน! สั่งกองทัพขน BM21 หลัง “สปป.ลาว” ส่งทหารยึดพื้นที่
"นายกเบี้ยว-พีช" มารพ. หวังเข้าเยี่ยม "ลุง-ป้า" คู่กรณี แต่ถูกปฏิเสธ เขียนจดหมายฝากขอโทษอีกครั้ง
ผู้ค้า "ตลาดนัดจตุจักร" โวย "กทม." จัดพื้นที่ค้าไม่เป็นธรรม ให้เอกชนประมูล กระทบค่าที่โหด เดือดร้อนกว่า 500 แผง
"ก.อุตสาหกรรม" แก้เกม "ซินเคอหยวน" นัดแถลง 21 เม.ย.นี้ ประกาศตรวจเหล็กเส้นตึกสตง.เพิ่มอีก ในวันเดียวกัน ย้ำยึดข้อกม. เดินหน้าเอาผิด
ชัดเจน เปิดปมเหตุ "กัน จอมพลัง" อาสาช่วย "ลุง-ป้า" โดนเก๋ง BMW ปาดบนทางด่วน หวั่นซ้ำรอยคดีเก่า
หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ร่วมวิ่งฮาล์ฟมาราธอนจีน
ชาวอเมริกันลุกฮือประท้วงทรัมป์เป็นครั้งที่สอง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น