กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้เป้าผู้ส่งออกไทย ขายปลาสวยงามเจาะตลาดจีน หลังผลสำรวจพบตลาดโตต่อเนื่อง ผู้บริโภคนิยมเลี้ยงบรรเทาเครียดและเพื่อความสวยงาม เผยจีนนำเข้าจากไทยอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ระบุปลากัดมาแรงสุด ตามด้วยปลาเสือตอ และปลาทองหัวสิงห์
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวอรนุช วรรณภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการสำรวจตลาดปลาสวยงามในจีน และโอกาสในการส่งออกปลาสวยงามของไทยเข้าไปจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า อุตสาหกรรมปลาสวยงามของจีน ได้พัฒนาและเติบโตจนกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับหมื่นล้านหยวน (4.76 หมื่นล้านบาท) โดยปลาสวยงามแบ่งออกปลายปลาสวยงามน้ำจืด และปลาสวยงามน้ำทะเล โดยปลาสวยงามน้ำจืดครองสัดส่วนตลาดสูงสุดถึง 85% และปัจจุบันจีนมีเขตอุตสาหกรรมปลาสวยงามหลักสองแห่ง ได้แก่ พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและชายฝั่งทะเลตอนใต้ (มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจียงซู มณฑลซานตง) และภาคเหนือ (นครปักกิ่ง นครเทียนจิน มณฑลจี๋หลิน)
สำหรับความต้องการของตลาด คนหนุ่มสาวชาวจีนนิยมเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็ก และจะนิยมเลี้ยงปลาสวยงามบนโต๊ะทำงาน โดย 42% ของผู้บริโภคตามที่มีการสำรวจ พบว่า เลี้ยงปลาเพื่อบรรเทาความเครียด ผู้บริโภค 16% เลี้ยงปลาสวยงามตกแต่งโต๊ะทำงาน และผู้บริโภค 15% เป็นความสนใจส่วนตัว ส่วนการนำเข้าปลาสวยงามของจีน ตามข้อมูลจาก Global Trade Atlas ระบุว่า ในปี 2567 จีนมีมูลค่าการนำเข้าปลาสวยงาม 27,839,317 เหรียญสหรัฐ นำเข้าจากไทยมากเป็นอันดับสาม ของการนำเข้า
ปลาสวยงามทั้งหมด รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตามลำดับ แต่มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้ โดยปลาไทย
ที่ได้รับความนิยม อาทิ ปลากัด เนื่องจากมีสีสันสวยงาม ท่วงท่าการว่ายน้ำที่สง่างาม และลักษณะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยสายพันธุ์ยอดนิยม เช่น ปลากัดจีน ปลากัดฮาฟมูน ปลากัดหางมงกุฎ ปลากัดยักษ์ และยังมีปลาเสือตอไทยที่มีลายเสือสีทองและรูปลักษณ์ที่สง่างาม ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะสำหรับผู้เล่นชั้นนำในตลาดปลาสวยงามระดับไฮเอนด์ และมีปลาทองหัวสิงห์ไทยคุณภาพสูง ซึ่งกลายมาเป็นดาวรุ่งในตลาดจีน
“จากการเติบโตของตลาดปลาสวยงามดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรเร่งพัฒนาการเพาะสายพันธุ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางสายพันธุ์ปลา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดจีนและควรศึกษาเส้นทางการขนส่งใหม่ ๆ เนื่องจากการระยะเวลาการขนส่งนาน เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกปลาสวยงามที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการตายของปลาได้ โดยกรมพร้อมที่จะส่งเสริมการส่งออกปลาสวยงาม โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างชื่อเสียงปลาสวยงามของไทยให้เป็นที่รู้จัก เน้นการประชาสัมพันธ์ตลาดกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ โดยการออกบูธหรือการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมิเดียของจีน เพื่อกระตุ้นความต้องการต่อไป”นางสาวสุนันทากล่าว
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ http://www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169