“ดีเอสไอ” จ่อเรียกสอบ 40 วิศวกร คดีตึกสตง.ถล่ม

"ดีเอสไอ" จ่อเรียกสอบ 40 วิศวกร คดีตึกสตง.ถล่ม

วันนี้ ( 24 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีพิเศษที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้แก่ กรณีตึก สตง.ถล่ม กรณีฟอกเงิน ส.ว. และกรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า สำหรับคดีตึกถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว มีผู้มาร้องขอให้ดีเอสไอสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอสอบสวนอยู่ 4 เรื่อง โดยรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว 3 เรื่อง คือ 1.ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือนอมินี 2.เรื่องฮั้วประมูล และ 3.เรื่องใบกำกับภาษีปลอมของบริษัทจำหน่ายเหล็ก ขณะที่เรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (เหล็กตกมาตรฐาน) และเรื่องฝุ่นแดงจากโรงงาน อยู่ระหว่างการสืบสวน ดังนั้น ในคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณี คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ดีเอสไอได้สอบสวนและขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องแล้ว 5 หมายจับ คือ 3 กรรมการคนไทยของบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ นายประจวบ (สงวนนามสกุล) นายมานัส (สงวนนามสกุล) นายโสภณ (สงวนนามสกุล) และกรรมการคนจีน คือ นายชวนหลิง จาง ส่วนนิติบุคคล คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ในเรื่องการฮั้วประมูลนั้น ดีเอสไอก็ดูเรื่องของการเสนอราคา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องรายละเอียด ผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้ และคำพูดของเขา เราไม่สามารถใช้ยืนยันอะไรได้มากนัก เรามีหน้าที่รวบรวมหลักฐานอื่น แต่เขาพูดอะไรเราก็รับฟังได้ แต่ถ้าจะต้องดำเนินคดี ขยายผล เราก็ไม่อาจรับฟังเพียงคำให้การของผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ทั้งหมดที่ดีเอสไอ ได้สืบสวนสอบสวนขยายผล จนจับกุมผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 4 ราย และ 1 นิติบุคคล ล้วนมีความเกี่ยวพันกันเป็นทอดๆ จากเรื่องความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะขยายไปต่อในเรื่องฮั้วประมูลได้ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ เบื้องต้นเมื่อ 4 ผู้ต้องหาได้เข้าสู่กระบวนการแล้ว ดีเอสไอก็เหลือเวลาเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันในส่วนของคดีนอมินี ส่วนหลังจากนั้นจะได้นำผลมาดูต่อเนื่องในส่วนของคดีฮั้วประมูล ทั้งนี้ ภายใน 30 วันจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี แต่เราต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา นับจากวันจับกุมผู้ต้องหาคนแรก หากนับจากตรงนี้ก็มีเวลาประมาณ 3 ผัด หรือประมาณ 30 วันโดยประมาณ และภายหลังจากที่ศาลได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวทั้ง 4 ราย จากนี้จะมีบางรายที่ต้องชี้แจงเป็นเอกสารเพื่อแก้ข้อกล่าวหาภายใน 30 วัน หรือจะเดินทางมาด้วยตัวเองก็ได้ คือ นายประจวบ นายมานัส และนายโสภณ โดยจะต้องชี้แจงเรื่องที่ไม่ได้ตอบในชั้นสอบสวน ได้แก่ เป็นการถือหุ้นแทนใคร เอาเงินที่ใดมาลงทุน เป็นต้น แต่ถ้าหากไม่ส่งคำชี้แจงก็ถือว่า สละสิทธิ ส่วนนายชวนหลิง จาง ได้ให้การไว้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่นายจาง ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท วีล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บอกเพียงว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เท่านั้น ส่วนกรณีของนายบินลิง วู ตอนนี้เรายังคงดำเนินการสอบสวน โดยไล่ดูกลุ่มบริษัทที่ใกล้ชิดกับเขา ที่มีการใช้ 3 คนไทยไปเป็นกรรมการถือหุ้นเหมือนกัน

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวอีกว่า กรณีที่นายจาง มีการอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจจากจีนมาลงทุนในไทยนั้น ก่อนหน้านี้ ได้มีตัวแทนมาพบดีเอสไอแล้ว มีการนำหนังสือรับรองมายืนยันว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจของบริษัทโดยที่รัฐถือหุ้น เพื่อมาลงทุนในไทยจริง และยังให้การปฏิเสธเรื่องนอมินี โดยบอกว่ามันคือการที่เขามาลงทุนร่วมกับคนไทย กรณีของบริษัท ไชน่าฯ ที่ได้ประมูลงานโครงการรัฐไปจำนวนมาก และหลายโครงการยังไม่ได้ดำเนินการนั้น จะต้องมีการประสานรัฐบาลยกเลิกสัญญาหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา หรือสร้างอาคารพักอาศัยต่างๆ นั้น ขอเรียนว่าบริษัทได้โครงการรัฐไปทั้งหมด 27 สัญญา แต่ยังไม่ได้มีการประสานเช่นนั้น เพราะต้องสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนว่ามีการใช้กลอุบายมาอำพรางตัวเองว่าเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ ก็หากชัดเจน เราก็จะได้ประสานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลที่มีทางตัวแทนของ สตง. เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอนั้น เบื้องต้นมีการประสานขอข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ก็ได้มีการทยอยส่งมาแล้ว โดยเราจะดูเรื่องการได้มาซึ่งสัญญาของรัฐ รวมถึงการแก้ไขแบบแปลนด้วย ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ที่เข้าพบดีเอสไอก่อนหน้านี้เนื่องจากถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อควบคุมงานก่อสร้างนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า เราได้สอบถามนายสมเกียรติ 3 ครั้ง โดยให้เขาเข้ามาดูเอกสาร ที่เราไปตรวจค้นได้จากบริษัทผู้ควบคุมงาน ซึ่งได้มีการชี้ว่าเอกสารใดที่ไม่ใช่ของเจ้าตัว แล้วก็ได้ดูเอกสารที่มีการแก้ไข และได้ชี้ว่าส่วนใดไม่ใช่ของเขาบ้าง ซึ่งเราจะได้รวบรวมส่งสถาบันนิติวิทย์ โดยเอกสารที่เราได้ตรวจสอบมี 16 รายการ และอยู่ในแบบแปลน 3-4 รายการ ที่เขาชี้ในเอกสารจากทั้งหมด 12 ลัง แต่ขอดูแค่ 2 ลัง ส่วนว่าใครเป็นผู้ปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อนายสมเกียรตินั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ สำหรับบรรดา 51 วิศวกรที่พบว่าอาจเกี่ยวข้องกับการถูกแอบอ้างว่าควบคุมงานตึก สตง.นั้น เราได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้ว 40 ราย โดยจะเริ่มสอบสวนปากคำพยานวันที่ 28 เม.ย.นี้ เพื่อถามเรื่องมีการควบคุมงานทิพย์หรือไม่ และตนยังไม่ขอระบุว่าเป็นวิศวกรที่อยู่ในบริษัทหรือกิจการร่วมค้าใด

 

ส่วนกรณีของนายพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวว่า วานซืนที่ผ่านมา สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ร่วมกันสอบปากคำนายพิมลเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการทำงานร่วมกัน แต่สอบคนละสำนวนกัน ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การคร่าวๆ ไว้แล้วว่าเป็นเพียงที่ปรึกษาของบริษัท ส่วนตึก สตง. ตามเอกสารพบว่ามีการแก้ไขแบบทั้งหมด 9 ครั้ง แต่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาจะอยู่ในการแก้ไขแบบครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ซึ่งเราจะไปลงรายละเอียดต่อไปว่ามีประเด็นใดบ้าง ส่วนการแก้ไขแบบที่มีปัญหาจริงๆ คือ การขอแก้ไขครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ที่ปรากฏชื่อลายเซ็นของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ซึ่งมันมีการแก้ไขเรื่องโครงสร้าง เป็นปัญหาเรื่องปล่องลิฟต์ ตามที่เป็นข่าว

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เราได้ประสานการปฏิบัติกับพนักงานสอบสวนตำรวจและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรุงเทพมหานคร เพราะหลังจากตึกถล่ม ในช่วง 10 วันแรกจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่พอได้เข้าพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องแล้ว เราก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานในบริเวณตึกถล่ม เพื่อประกอบการพิจารณาตามประเด็นสำคัญ 2 ส่วน คือ 1.เรื่องเหล็กที่ใช้ก่อสร้างมีการตกมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ ดีเอสไอ และ สมอ. ได้ร่วมกันเข้าเก็บตัวอย่างเหล็ก ซึ่งการเก็บตัวอย่างมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1) เป็นเหล็กที่อยู่ในโครงสร้าง ที่มีการพังทลายแล้ว กับ 2) เป็นเหล็กชนิดเดียวกันที่อยู่ในไซต์งานแต่ยังไม่ถูกใช้งาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบตรวจทั้งสองส่วน ตามวิธีการทางเทคนิคของ สมอ. เพื่อจะได้นำไปตรวจสอบว่าหากเป็นกรณีเหล็กตกมาตรฐานแล้วถูกใช้ก่อสร้าง ทาง สมอ.จะได้มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอต่อไป ทั้งนี้ เรื่องที่ 2 คือ เรื่องปูนซีเมนต์ โดยส่วนสำคัญที่สุดคือกรมโยธาธิการฯ ซึ่งทำหน้าที่ตอบเชิงวิศวกรรมว่าตึกถล่มเพราะเหตุอะไร แล้วเกี่ยวข้องกับวัสดุหรือไม่ ทั้งนี้ เรายังคงส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมเก็บตัวอย่างทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งตรวจพิสูจน์แล้วนำมาประกอบการทำงานกับทางกรมโยธาธิการฯ เพื่อตรวจเรื่องการถล่มทางวิศวกรรม

พ.ต.ต.วรณันเปิดเผยอีกว่า ส่วนตัวเลขตัวอย่างเหล็กเส้นและคอนกรีตที่ได้เก็บจากตัวอาคารทั้ง 4 โซน (ZONE : A B C D) ดังนี้ ตัวเหล็กมีการเก็บทั้งหมด 240 ตัวอย่าง ส่วนคอนกรีตบริเวณโซน บี ซี และดี ได้มีการเก็บปูนเป็นก้อนไปแล้ว 59 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 299 ตัวอย่าง (ตัวเลข ณ วันที่ 24 เม.ย.68) ทั้งนี้ พื้นที่ที่จัดเก็บคอนกรีตไม่ได้เลย คือ บริเวณโซนเอ เพราะเป็นพื้นที่ถล่มค่อนข้างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ทำงาน ทำให้บริเวณนั้นเสื่อมสภาพไปพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ทำ สำหรับเรื่องการตรวจสอบปูนนั้น หน่วยงานที่จัดเก็บ คือ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และกรมโยธาฯ ซึ่งปูน บางส่วนมันใช้พิสูจน์เรื่องอาคารพังถล่มได้ โดยใช้หลักทางวิศวกรรม และใช้สนับสนุนสำนวนของตำรวจได้ ว่าตึกพังเพราะเหตุจากประมาทหรือไม่ หรือเกิดจากการก่อสร้างไม่ถูกต้องหรือไม่ หรือวัสดุที่ใช้มีผลต่อการถล่มหรือไม่ ทั้งนี้ เป็นการเก็บตัวอย่างปูนตามหลักกรมโยธาธิการฯ เก็บทั้งเสา ทั้งพื้น เป็นต้น โดยการตรวจสอบในเรื่องคอนกรีตนี้จะใช้ประโยชน์ ในคดีได้ 3 ส่วนคือ เป็นข้อมูลด้านวิศวกรรม ตำรวจใช้ประกอบการพิจารณาเรื่องกระทำการโดยประมาทและองค์ประกอบเรื่องการฮั้วประมูล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"แกนนำภูมิใจไทย" ผนึกกำลังหาเสียง หนุน "ไสว" ชิงเก้าอี้ เลือกตั้งซ่อมสส.นครศรีฯ มั่นใจผลงานพรรค
"ดีเอสไอ" จ่อเรียกสอบ 40 วิศวกร คดีตึกสตง.ถล่ม
"ฉก.ลาดหญ้า" ยันเหตุปะทะในประเทศเมียนมา ยังไม่มีผลกระทบชายแดนไทย
บางจาก ศรีราชา และ GISTDA ผนึกกำลังกับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ร่วมสร้างอนาคต นกกาฮัง และ การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ
“กรมอุตุฯ” เตือนรับมือ "พายุฤดูร้อน" ฉบับ 2 ถล่มไทยตอนบน 26 เม.ย.- 1 พ.ค.นี้
“ดร.เฉลิมชัย” ลงพื้นที่ติดตามโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงกร่อยเค็ม ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด แก้ปัญหาให้ประชาชน 15 หมู่บ้าน กว่า 7,200 คน มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี
"ผอ.สปภ." เผย ตึกสตง.ถล่ม ลดซากเหลือ 7 เมตร จนท.ตัดเหล็กขนย้ายได้เร็วขึ้น คาดเสร็จสิ้นเดือนเม.ย.นี้
แฉกลโกงออนไลน์! ใช้ชื่อ ‘ธนินท์’ ลวงซ้ำ – ซีพีเอาผิดไม่เว้น
DITP โชว์ผลงานจัดกิจกรรมส่งออก 7 เดือน สร้างรายได้เข้าประเทศ 36,921 ล้าน ผู้ประกอบการได้ประโยชน์ 42,409 ราย
"กระทรวงยุติธรรม" เปิดตัวโครงการ "รวมพลังอาสาสมัครราชทัณฑ์ คืนคนดีสู่สังคม"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น