สำนักข่าวต่างประเทศทุกสื่อต่างจับจ้องและรายงานการพบปะแบบตัวต่อตัวระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี้ภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สแบบสั้นๆ 15 นาทีก่อนพิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสจะเริ่มขึ้นในช่วงเช้าวานนี้ (เสาร์ที่ 26 เมย.) การพบปะครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกันภายในทำเนียบขาวจนเกิดปะทะคารมรุนแรงกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หลังพบปะ ผู้ช่วยเซเลนสกี้และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรและราบรื่น โดยสองผู้นำได้หารือกันเรื่องการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขในยูเครน ซึ่งหลังการหารือ ทรัมป์ได้โพสต์ผ่าน “ทรู๊ธ” เป็นเชิงตำหนิประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียว่าไม่มีเหตุผลอันควรที่ระดมยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในเขตพลเรือนของยูเครนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าปูตินอาจไม่ต้องการยุติสงครามจริงๆ
นอกจากนี้เซเลนสกี้ยังได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลีและเออร์ซูล่า ฟอน เดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมการยุโรป ซึ่งเลเยนให้คำมั่นกับเซเลนสกี้ว่ายุโรปจะไม่ทิ้งยูเครน และจะผลักดันจนกว่ายูเครนจะได้รับความยุติธรรมและสันติภาพที่ยั่งยืน
ขณะที่ทรัมป์เองก็โพสต์ผ่าน “ทรูธ” ว่าการเจรจาสันติภาพยูเครนมีความคืบหน้าไปมาก และใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว ยังเหลือประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้ไม่กี่ข้อ และน่าจะถึงเวลาแล้วที่ผู้นำของสองฝ่ายจะพบเจรจากันเพื่อยุติสงคราม
และระหว่างพิธีปลงพระศพโป๊ป มีผู้นำโลกจำนวนมากที่พยายามจะเข้ามาพูดคุยกับทรัมป์ในเรื่องกำแพงภาษี รวมทั้งเลเยน ประธานคณะกรรมการยุโรปที่เข้ามาจับมือพูดคุยกับทรัมป์แบบสั้นๆ ซึ่งทั้งคู่ได้ตกลงที่จะพบปะกันในภายหลัง และหลังจากพิธีปลงพระศพเสร็จสิ้น ทรัมป์และสตรีหมายเลข 1 ก็บินออกจากโรมโดยทันที