"ภูมิธรรม" ยินดี "กล้าธรรม" ชนะเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ ขีดเส้น 7 วัน ให้ผบ.ทบ. รายงานผล เคลียร์ความรุนแรงชายแดนใต้ เตรียมคุยผู้อำนวยความสะดวกมาเลย์ฯ หวัง เจอ BRN ตัวจริงที่หยุดยั้งเหตุรุนแรงได้ มั่นใจ ผบ.ทบ. - ผบ.ตร. ทำงานร่วมกันได้ ไม่เกี่ยวรุ่น
ข่าวที่น่าสนใจ
28 เม.ย.2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกรณีที่นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ จากพรรคกล้าธรรมชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 8 นครศรีธรรมราช จะส่งสัญญาณถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีจากการ ส.ส.เพิ่มของพรรคกล้าธรรมหรือไม่ ว่า การปรับคณะรัฐมนตรียังไม่เคยมีการพูดคุยกัน และนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่ากระแสการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนสอบถามมา เพราะต้องการทราบสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ทั้งนี้การที่พรรคกล้าธรรม มีส.ส.เพิ่มถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี และต้องแสดงความยินดีกับทางพรรคกล้าธรรม แต่เป็นคนละเรื่องกับการปรับคณะรัฐมนตรี อย่านำมาปนกันเพราะหากนำมาปนกันจะทำให้เกิดความสับสน และทำให้จินตนาการกันไปเอง ทำให้เรื่องต่างๆไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
ส่วนตัวเลข ส.ส.ที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลต่อสัดส่วนรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมย้ำว่า ขณะนี้ทุกคนกำลังทำงาน และ พรรคร่วมฯ สามารถทำงานร่วมกันด้วยดี โดยไม่เคยมีการพูดถึงเรื่องโควต้าสัดส่วนรัฐมนตรีของแต่ละพรรค และหากใครลงเลือกตั้งซ่อมก็เชียร์และให้กำลังใจ ส่วนใครจะชนะก็เป็นเรื่องน่ายินดี
ดังนั้นจึงอย่าคิดไปเองว่าเมื่อนำตัวเลขมาบวกกันแล้วจะมีการปรับสัดส่วนรัฐมนตรี เพราะในทางการเมืองหากสามารถทำงานร่วมกันได้ดีและลงตัวก็ไม่มีปัญหาที่จะต้องปรับอะไร
สำหรับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มอบหมายให้ ผู้บัญชาการกองทัพบก ปรับแผน ทำงานเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งทั้ง ทหารและ ตำรวจได้ ประชุมร่วมกับหน่วยต่างๆ ในพื้นที่แล้ว ไม่มีปัญหา ใด ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ และให้รายงานความคืบหน้า และ รายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ภายใน 7 วัน ซึ่งไม่ได้กำหนดว่า ภายใน7 วันนี้ต้องจบ แต่เพื่อให้รายงานความคืบหน้าเพื่อติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด ขณะที่ในพื้นที่ตื่นตัว ในการปฏิบัติมากขึ้น ทุกอย่างจะเป็นไปตามข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ เคยลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลมาแล้ว ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่ การกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้ มีข้อมูลจำนวนมาก และไม่ตรงกัน ซึ่งจะต้องมีการคุยกันอีกครั้ง ส่วนตัวยอมรับว่าร้อนใจ
ส่วนมติ ครม. ที่สั่งการให้หาแนวทางยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึก ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้นั้น นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ครม. ยังไม่มีมติ ให้ยกเลิก แต่เป็นเพียงข้อเสนอของวภาคเอกชน ที่เห็นว่า สถานการณ์เป็นปกติแล้ว และ เพื่อให้การทำกิจการค้าขายดีขึ้น จึงมีข้อเสนอนี้ ให้ ครม. พิจารณา ซึ่ง ตนเองวได้หารือไปแล้ว แต่ล่าสุดกลับมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก จตึงต้องมีการทบทวนข้อเสนอใหม่อีกครั้ง จึงทำให้การหารือกันที่นัดหมายไว้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ แก้ปัญหาในพื้นที่ก่อน
นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยปัญหานี้กับแม่ทัพภาค4 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค9 และ ศ.อบต. แล้วในการร่วมกัน แก้ปัญหา พร้อมยืนยันว่า การทำงานในพื้นที่ ของ ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. จะไม่มีช่องว่าง ไม่เรื่องรุ่น ระหว่างกัน ทั้งเป็นการทำงานร่วมกันทั้งสิ้น เพราะถือเป็นภารกิจที่จำเป็นต้องทำ ไม่มีเรื่องการข้ามรุ่น และ ตั้งที่ตนเองเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่เคยพบปัญหานี้
สำหรับการพูดคุยเพื่อคุยเพื่อสันติสุข ได้มีตั้งคณะกรรมการ หารือวางแนวทางในการพูดคุยไว้แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากชัดเจนว่าสามารถควบคุมเหตุการณ์การความรุนแรงได้ก็จะมีการพูดคุย เบื้องต้นกำลังจะหารือกับผู้อำนวยความสะดวก ที่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตั้งขึ้น ตามที่ นายกรัฐมนตรีไทย และ มาเลเซีย ได้หารือกันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งสองประเทศ จะเดินแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันอย่างเต็มที่ หากยังมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็จะพิจารณาอย่างเด็ดขาดว่า ทางการมาเลเซียจะให้ความช่วยเหลือไทยได้อย่างไรบ้าง
นายภูมิธรรม ย้ำว่า ไทยต้องการพูดคุยกับผู้นำตัวจริงของกลุ่ม BRN เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่พบวส่า กลุ่มนี้ ไม่มีอำนาจในการหยุดยั้งสถานการณ์ โดยเฉพาะการกระทำที่รุนแรงได้ เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่รู้จะคุยอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เร่งประสานกับหลายฝ่าย ต้องพิจารณาว่ามีส่วนใดบ้างที่จะทำให้การพูดคุยบรรลุผล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง