สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ หรือ KCNA เผยแพร่แถลงการณ์จากคณะกรรมาธิการกลางทหาร ของพรรคกรรมกร ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล วันนี้ (28 เมษายน) ว่า ทหารเกาหลีเหนือมีส่วนอย่างสำคัญในการปลดปล่อยดินแดนรัสเซียที่ถูกยูเครนยึดครอง การจบศึกปลดปล่อยแคว้นคูสค์ของรัสเซียด้วยชัยชนะ สะท้อนระดับยุทธศาสตร์สูงสุดของมิตรภาพอันแข็งแกร่งระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์ระบุว่า คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุด ตัดสินใจส่งทหารไปรัสเซีย หลังจากพิจารณาแล้วว่าเข้าเงื่อนไขสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ลงนามกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อมิถุนายน 2567 / ภายใต้คำสั่งประมุขแห่งรัฐ หน่วยทหารของกองทัพเกาหลีเหนือ ถือว่าดินแดนของรัสเซีย เป็นดินแดนหนึ่งของประเทศ และยังเป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นพันธมิตรแน่นแฟ้นระหว่างกัน
คิม จอง อึน กล่าวว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทุกคน คือวีรบุรุษ และเป็นตัวแทนเกียรติยศแห่งมาตุภูมิ เกาหลีเหนือจะสร้างอนุสาวรีย์ในกรุงเปียงยาง เพื่อยกย่องความกล้าหาญของพวกเขาในเร็ว ๆ นี้
รัสเซียประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สามารถขับไล่ทหารยูเครนออกจากหมู่บ้านรัสเซียแห่งสุดท้ายในคูสค์ เป็นผลสำเร็จ แต่ทางยูเครนปฏิเสธคำกล่าวอ้างของรัสเซีย และบอกด้วยว่า ทหารยูเครนยังสู้รับกับรัสเซียในเบลโกรอด แคว้นรัสเซียที่อยู่ติดชายแดน
เกาหลีเหนือกับรัสเซียปิดปากเงียบมาตลอด ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องการส่งทหารไปช่วยรบ แต่ใช้วิธีเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน ไม่มีอะไรที่ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ กระทั่งเมื่อสองวันก่อน พลเอก วาเลอรี เก-รา-ซีมอฟ เสนาธิการกองทัพรัสเซีย ยืนยันระหว่างประชุมทางไกลกับ ประธานาธิบดีปูติน เมื่อ 26 เมษายนว่า ทหารเกาหลีเหนือมีบทบาทสำคัญในการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัสเซีย ระหว่างขับไล่การรุกรานของยูเครนในคูสค์ ทหารเกาหลีเหนือแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ความทรหด และความกล้าหาญในระดับสูง
เจ้าหน้าที่ยูเครนประเมินว่า นอกจากส่งอาวุธแล้ว เกาหลีเหนือยังส่งทหารไปช่วยรัสเซียทำสงคราม รวมประมาณ 1 หมื่น 4 พันคน ในจำนวนนี้เป็นทหาร 3 พันคน ที่เพิ่งส่งไปเสริมช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อทดแทนทหารที่เสียชีวิต ยูเครนระบุว่า ทหารเกาหลีเหนือสูญเสียจำนวนมากเพราะขาดประสบการณ์สงครามสมัยใหม่ที่ใช้โดรนและยานเกราะ แต่ก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา