วันที่ 6 ตุลาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มไอลอว์ ฟ้องร้องนายกฯและหลายหน่วยงาน พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศข้อกำหนดในมาตรา 9 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 4.5 ล้านบาท โดยนายเสกสกลกล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินเพื่อควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองมองว่าสามารถทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายลงได้ ทำให้ประชาชนสูญเสียน้อยกว่าหลายๆประเทศในโลก
ทั้งนี้แม้ว่ากลุ่มไอลอว์ จะมองว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อห้ามการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน แต่ตนเองมองว่าการเคลื่อนไหวหรือแสดงออกทางการเมืองก็ถือว่าเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโควิด- 19 เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการรวมกลุ่มที่มีคนเป็นจำนวนมาก และไม่ใช่การชุมนุมสงบสันติตามรัฐธรรมนูญ ซ้ำร้ายกับสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย ใช้อาวุธระเบิด อาวุธปืน เผาทำลายทรัพย์สินราชการเสียหาย ตลอดจนใช้ปืน ระเบิดอาวุธนานาชนิดเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บสาหัสจำนวนหลายนาย
ขณะเดียวกันนายกฯก็พร้อมที่จะยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หากพ.ร.ก. โรคติดต่อมีผลบังคับใช้แล้ว จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯและรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนาที่จะนำ พ.ร.ก. ฉุกเฉินมาใช้กับม็อบหรือกลุ่มที่เคลื่อนไหว แต่ม็อบฝ่าฝืนกฎหมายไม่ยอมให้ความร่วมมือเอง ตลอดจนเจตนาชัดเจนในการฝ่าฝืนกฎหมาย จนกลายมาเป็นแก๊งค์ป่วนเมือง อย่างที่ทราบกันดี
นายเสกสกลระบุว่า ทั้งกลุ่มไอลอว์ กลุ่มเฟมินิสด์ปลดแอก และแนวร่วมม็อบคณะราษฎร หากกล้าที่จะออกมาเคลื่อนไหว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่เหตุใดถึงไม่กล้าที่จะยอมรับความผิด แต่กลับมาฟ้องร้องนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ขณะนี้กำลังทำงานแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศอยู่ และยังมีการเรียกร้องเงินอีก ซึ่งตนเองมองว่าเช่นนี้คงไม่ได้สู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอย่างแท้จริงแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของตัวเองมากกว่า
” กลุ่มก๊วนที่เห็นต่างต่อให้นายกฯหรือรัฐบาลตั้งใจทำดีมากเพียงใด ก็คงทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่ยอมรับความจริง เพราะความคิดที่มีอคติตั้งธงไว้ล่วงหน้า เสียเวลาเปล่าที่จะต้องมาอธิบายคนเหล่านี้ให้เข้าใจเหตุผลว่าสิ่งที่นายกฯและรัฐบาลมีมาตรการทางกฎหมายใดๆออกมานั้นเพื่อปกป้องชีวิตและรักษาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เอาไว้ คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจดี มีแต่กลุ่มคนที่สมองทึบปัญญาอ่อนเท่านั้นที่แกล้งโง่และไม่เข้าใจ การออกมาสร้างความรุนแรงรายวันเช่นนี้หรือ ที่กล้าออกมาพูดว่า เป็นการเคลื่อนไหวตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ช่างกล้าพูดออกมาไม่ละอายใจตัวเองเลย ”