นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงการร่วมเสวนาหัวข้อ “45 ปี มาตรา 112” ส่วนหนึ่งของกิจกรรมครบรอบ 45 ปี 6 ตุลาฯ ทาง Clubhouse เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่กล่าวตอนหนึ่งว่ามาตรา 112 ไม่ใช่กฎหมายหมิ่นประมาทธรรมดา แต่คือภาพแทนของสถาบันกษัตริย์ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลายคนที่เที่ยวไปแจ้งความคนอื่น ทั้งที่ตนเองไม่ได้โดนดูหมิ่น ไม่ได้เสียหายเอง นั่นเพราะสำหรับพวกเขามองว่าคือการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูหมิ่นความเชื่อถือ จึงตั้งข้อสังเกตว่าการใช้ การแก้ และการเพิ่มโทษที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง คือปฏิกิริยาสืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเวลานั้นๆ เสมอ ดังนั้นมาตรา 112 จึงไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ทางการเมืองและกลุ่มคนที่ตั้งคำถามกับสถาบันกษัตริย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายปิยบุตร เสนอว่า สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว หากไม่ยอมแก้ไขตั้งแต่แรก สถานการณ์จะไปถึงจุดแตกหักอย่างนั้นแน่นอน และยังมองว่าถ้าเราไม่ปฏิรูป สถาบันกษัตริย์จะอยู่ยาก ดังนั้นถ้าต้องการรักษาสถาบัน จะต้องปฏิรูป หากไม่ทำจะไปสู่จุดที่สังคมไทยไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างไรก็ตามการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์จะเกิดขึ้นได้ สถาบัน รัฐบาล ชนชั้นนำจารีตประเพณีต้องเอาด้วย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางสำเร็จได้ ยิ่งอยู่ใต้รัฐบาลแบบนี้ยิ่งยาก เพราะรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ไม่มีทางทำเรื่องปฏิรูปสถาบันได้
อีกประเด็นถ้ามีแต่เยาวชนที่พูด กลุ่มอื่นไม่ช่วยกันขยับ โทนของเยาวชนก็จะถูกผลักให้กลายเป็นพวกฮาร์ดคอร์ สำหรับตนคนรุ่นใหม่เสียสละเอาชีวิตและร่างกายเข้าไปเสี่ยงคุก เสี่ยงตาราง เขาไม่มีความกลัวเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นตนเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ไฟนี้มอดดับไป พูดอย่างตรงไปตรงมา หากวันหนึ่งรัฐเอาจริงขึ้นมา เราไม่มีทางสู้รัฐได้เลย แม้วิธีคิดของเยาวชนยังอยู่ แต่จะโดนบทขนยี้จนไม่สามารถแสดงออกได้เลย เหมือน 45 ปีที่แล้ว ที่ขบวนการนักศึกษาก้าวขึ้นไปสูงมาก แล้วถูกบดขยี้จนหายไปนานเลย ดังนั้นกลุ่มที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมด ต้องช่วยกันทำให้ขบวนการรอบนี้เดินหน้าสู้ต่อไปได้ อย่าปล่อยให้เยาวชนสู้ตามลำพัง พร้อมติดแฮชแทก#ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ #45ปี6ตุลา #มาตรา112 #บันทึก6ตุลา
ทั้งนี้จากการย้อนจรวจสอบของทีมข่าวท็อปนิวส์ พบว่านายปิยบุตรีออกมาร่วมเคลื่อนไหวชุมนมกับกลุ่มต่างๆ น้อยมาก แทบจะนับครั้งได้ ส่วนใหญ่นายปิยบุตรมักแสดงความเห็นผ่านพื้นที่โซเชียลมีเดียของตัวเองเสียมากกว่า