เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่รัฐสภา นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมน้ำบาดาล จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อให้ผ่านการพิจารณางบประมาณว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยเรียกรีบเงิน และไม่ได้กระทำความผิด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ป.ป.ช.แถลงข่าวชี้มูล ทั้งนี้ตนเห็นว่าการที่ป.ป.ช.เสนอข่าวแบบนี้เป็นการชี้นำสังคม เป็นการประจาน มีเจตนาทำลายชื่อเสียง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าตนเรียกรับเงิน ทั้งนี้ตนทำงานการเมืองมานานไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย การกล่าวหาดังกล่าวถือเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ทำให้ประชาชนเชื่อว่าตนเป็นคนไม่ดี เสียหายต่อวงศ์ตระกูล ดังนั้นจะนำหลักฐานทั้งหมดไปพิสูจน์ในชั้นศาล เพราะศาลจะเปิดโอกาสให้นำพยานและหลักฐานมาหักล้างอย่างเต็มที่ ไม่เหมือนป.ป.ช.ที่เร่งรีบสรุปสำนวน ทั้งที่ไม่มีการเรียกพยานไปสอบทั้งหมด โดยตนมีพยาน 4 คน แต่ป.ป.ช.เรียกไปสอบแค่ 1 คน ส่วนตัวของตนก็ยังไม่ได้ถูกเรียกไปสอบ เนื่องจากเสนอเป็นเอกสารให้และป.ป.ช.รอหลักฐานอีกชุดหนึ่ง แต่กลับรีบสรุปสำนวน
นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการบูรณาการ2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีหน้าที่เรียกตรวจสอบ และมีสิทธิ์เรียกเอกสารมาสอบ เพื่อประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น ตนจึงขอโอกาสชี้แจง โดยแบ่งออกเป็น 6 ประเด็น คือ 1.ที่ป.ป.ช.แถลงว่าตนถามอธิบดีกรมน้ำบาดาลซ้ำไปซ้ำมา เพื่อเปิดทางเรียกรับเงินนั้น ขอชี้แจงว่ากรมน้ำบาดาลของบประมาณมาทุกปี ปีละหลายพันล้านบาท เมื่อตนเป็นอนุกมธ.ฯ ก็ต้องสอบถามว่า ราคาที่ขอมานั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะทุกอย่างต้องใช้ของหลวงทั้งน้ำมัน รถขุดเจาะ เบี้ยเลี้ยงบุคคลกร การตั้งราคาเกินท้องตลาด เป็นสองเท่านั้น แบบแปลนเป็นอย่างไร ตนก็ต้องการเอามาดูเพื่อเป็นประโยชน์ต่อราชการ เพราะกรมฯ มีแบบที่เล็กที่สุดบ่อละ 338,000 บาท แต่ราคากลางขุดเจาะไม่เกินบ่อละ 8 หมื่นบาท ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงแเพงจึงขอแบบมาเพื่อตรวจสอบ แต่จนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้แบบที่ขอไป ทุกอย่างมีรายงานการประชุม ที่ยื่นต่อป.ป.ช. ว่ามีใครพูดอะไรบ้าง ทุกอย่างตรวจสอบได้หมด ตนถามเพียงว่าเมื่อไหร่จะเอาแบบมาให้ตรวจสอบ 2 .ป.ป.ช.แถลงว่า ตนเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการผ่านงบฯ ถือเป็นเรื่องตลก เพราะอธิบดีกรมน้ำบาดาล เป็นข้าราชการระดับสูง รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีอำนาจ อนุกมธ.ฯ ทั้ง10 คนก็ไม่มีอำนาจ กมธ.ชุดใหญ่ทั้ง 64 คน ก็ไม่มีอำนาจ และการที่จะตัดงบฯก็เป็นอำนาจของสภาฯทั้ง500 คน และตนก็เป็นฝ่ายค้านลงมติอย่าง ก็แพ้รัฐบาลอยู่ดี จึงถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง ขาดเหตุผลทุกอย่าง 3.ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับอธิบดีกรมน้ำบาดาล ตนไม่รู้จักเขาเลย และในห้องประชุมกมธ.ชุดใหญ่ ก็มีการโต้เถียงกันตลอด เขาหาว่าตนไปตรวจสอบเขาละเอียดเกินไป ขอหลักฐานก็ไม่ให้ ถามว่าท่านกลัวอะไร และวันที่เขากล่าวหาว่าตนเรียกรับเงิน ตนก็ส่งแผนผังไปให้ว่ามีอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช. ว่ามี 4 คนนั่งตรงไหน พูดโทรศัพท์อย่างไร วันนั้นอธิบดีฯโทรมาหาตน แต่ไม่ได้รับเพราะไม่รู้จัก แต่มีอนุกมธ.ฯท่านหนึ่งบอกว่าช่วยรับเบอร์นี้หน่อยเป็นอธิบดีฯ ตนก็ไม่รับ แต่หลังเสร็ตงานก็โทรฯกลับไป ขอสอบถามเรื่องแบบแปลน โดยวันนั้นเป็นวันที่ 4 ส.ค. 63 แต่ตนยังคุยเรื่องแบบไม่เสร็จ เพราะมีส.ส.ให้โทรฯหาอธิบดีฯ ตนก็โทรฯ แต่ระหว่างที่คุยยังไม่ได้วางสาย อนุกมธ.ฯท่านนั้นก็ขอพูดหน่อยเพราะรู้จักกัน แต่ก็เดินออกไปคุยข้างนอก เมื่อส.ส.ท่านนั้นกลับเข้าห้องประชุมก็วางสายไปแล้วจึงไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ตนเห็นว่าคนไม่รู้จักกัน และคุยโทรฯครั้งแรกจะกล้าไปเรียกเงินเขาหรือ แค่ยืมเงินก็อายเขาแล้ว ซึ่งผิดวิสัยของคนทั่วไปที่จะไปเรียกรับเงิน และอธีบดีคนนี้พูดมาแต่แรกว่ามีคนตบทรัพย์ มีคลิป ตนก็ขอถามว่าตั้แต่วันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่มีเอาคลิปมาเปิด จึงขอให้เอามาเปิดด้วย ถ้าเป็นเสียงตน ตนจะลาออกทันที อย่าพูดตีกิน อละทำให้ตนเสีายหายอย่างนี้
นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า 4.อธิบดีฯ ให้การว่าตนเป็นคนเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท แต่ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดตนเลย ก็สันนิษฐานได้อย่างเดียวว่า ไม่มีการเรียกรับเงินกันจริง จึงไม่มีการแจ้งความ 5. อนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรมกับตน แต่คดีนี้อายุความ20ปี โทษถึงประหารชีวิต การที่ตนขอเอกสารไปยังกรมน้ำบาดาลก็เพื่อชี้แจงแสดงเหตุผลว่าไม่ได้ทำผิด ซึ่งขอไป 5 ครั้งก็ยังไม่ได้ และขอให้ยังอนุกรรมการไต่สวนแต่อนุฯก็ไม่ฟัง กลับเร่งรีบสรุปเพื่อชี้มูลตน ซึ่งถือว่าไม่ชอบมาพากล เรื่องนี้ตนจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม และ 6.ป.ป.ช.ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้นำสังคมว่าตนเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายทันที เนื่องจากตนทำการเมืองมา 27 ปี ประชาชนรู้จักดี ทั้งที่ป.ป.ช.ทำหน้าที่แค่พนักงานสอบสวนข้อมูลเท่านั้น หากลงมติฟ้อง อัยการต้องฟ้อง ถ้าไม่ฟ้องป.ป.ช.นำกลับมาฟ้องได้ แต่นี้ถือว่าป.ป.ช.ใช้อำนาจเกินขอบเขต และการออกมาแถลงข่าวถือว่าทำไม่ได้
“ผมจบนิติศาสตร์มา รุ่นผมมีเป็นร้อยคน ปัจจุบันอยู่ในส่วนราชการ เอกชนมากมาย แต่งตั้งเป็นนักสืบเอกสาร ตำรวจ อัยการ ศาล แม้กระทั้งเป็นป.ป.ช. ผมได้ตรวจทุกอย่างแล้วทั้งรัฐธรรมนญ กฎหมายอาญา อำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.ซึ่งในอดีตเคยมีกรณีลักษณะนี้มาแล้ว สุดท้ายมีการฟ้องจนติดคุก 1 ปี แต่ป.ป.ช.ท้าให้ผมฟ้องเพราะเขาคิดว่ามีคนคุ้มครอง ผมขอรับคำท้านั้น และจะเชิญท่านไปจ.มุกดาหาร แล้วเอากฎหมายที่คุ้มครองท่านไปด้วย เพราะป.ป.ช.มีเจตนาประจานผม ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ และผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา ผมขอยืนยันความบริสุทธ์ กับสื่อและประชาชน โดยเฉพาะชาวมุกดาหาร ที่สนับสนนุผมมาตลอด27ปี เรื่องนี้ผมจะทำให้เป็นตัวอย่างว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ในทางกฎหมายผมจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งสื่อมวลชนที่เสนอผมด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และหากป.ป.ช.ได้ฟังสิ่งที่ผมแถลงวันนี้ และปรากฎว่าเป็นเรื่องจริงขอให้ท่านได้ทบทวนมติคืนความเป็นธรรมให้ผม หากอธิบดีกรมน้ำบาดาลไม่ส่งแบบแปลนมาให้ผมตามที่ขอไป อีก15 วันถ้าไม่ได้ จะมาแถลงข่าวอีก และถ้ายังไม่ได้อีกก็จะมาแถลงข่าวอีก เพราะไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร” นายอนุรักษ์ กล่าว