วันที่ 6 ต.ค. 64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาความผิดทางวินัยกรณีเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 3 ราย ที่ถูก อคส. แจ้งข้อกล่าวหาจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ว่า เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ได้แจ้งว่ามีความชัดเจน จากคณะกรรมการทั้งสองชุดที่ตั้งขึ้นมา ว่าใครจะเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายและในราคาเท่าไหร่ ในวงเงิน 2,000 ล้าน รวมค่าดอกเบี้ย และอื่นๆ ซึ่งคณะกรรมการชี้โทษทางวินัยได้ข้อสรุป ว่าให้ชี้มูลความผิดโดยไล่ออกจากราชการ ทั้ง 3 คน และหลังจากนี้ผู้อำนวยการ อคส. จะนำความเห็นเข้าสู่บอร์ดผู้บริหารจึงจะเป็นข้อยุติ
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด โดยคาดว่าหลังจากนี้คณะกรรมการชี้ความผิดทางละเมิดกฎหมายก็จะชี้มูลความผิดตามมาว่าใครจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นมูลค่าเท่าใด โดยเร็ว สำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้นได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนใครจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือจะต้องถูกชี้มูลความผิดและชดเชยอย่างไรก็เป็นหน้าที่และขั้นตอนของ ป.ป.ช. ต่อไป
รมว. พาณิชย์ ยังกล่าวถึง มาตรการควบคุมราคาสินค้าในช่วงเทศกาลกินเจ ว่า ตนได้สั่งการไปยังกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดเข้าไปตรวจสอบ ในทุกพื้นที่อย่าให้มีการช่วยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเทศกาลกินเจ และหากพบผู้ใดกระทำผิดกฏหมายค้ากำไรเกินควร ให้ดำเนินการโดยเด็ดขาดซึ่งโทษของการค้ากำไรเกินควรค่อนข้างสูง คือจำคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีที่สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อราคาสินค้านั้น กรมการค้าภายในได้กำชับไปยังผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมดแล้วเพื่อขอให้ตรึงราคาสินค้าไว้ ไม่ให้ขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็ได้มีมติเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันไว้แล้วระดับหนึ่ง และได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวานนี้ จึงต้องรอดูว่าจะมีผลให้ราคาน้ำมันลดลงมาได้ลักษณะไหนอย่างไร