วันที่ 6 ตุลาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการร่วมเสวนาหัวข้อ 45 ปี มาตรา 112 ส่วนหนึ่งของกิจกรรมครบรอบ 45 ปี 6 ตุลาฯ โดยนายปิยบุตร ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการใช้ การแก้ และการเพิ่มโทษที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง และนายปิยบุตรยังย้ำกว่า มาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่มีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ การเมืองและกลุ่มคนที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ อย่างเลี่ยงไม่ได้ นายเสกสกลระบุว่าการที่นายปิยบุตร ออกมาเขียนแบบนี้ เป็นการให้ร้ายสถาบัน อย่างไม่น่าให้อภัย เพราะ มาตรา112 แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพียงกฎหมายมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” หรือใช้คำเรียก มาตรา 112 อย่างย่อว่า “กฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ” ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไป ไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวเนื่องทางการเมือง หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง อย่างที่นายปิยบุตร กล่าวถึง แต่อย่างใด แต่คนอย่างนายปิยบุตร นั้นคนทั้งประเทศเขารู้ดีแล้วว่าหายใจเข้า หายใจออก ก็มีความคิดบั่นทอนสถาบันตั้งแต่เป็นอาจารย์ จนมาเป็นนักการเมือง ก็ยังไม่ทิ้งสันดานเดิม จนทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาตราหน้า นายปิยบุตร ว่าเป็นพวกหนุนหลังพวกล้มเจ้า แต่ไม่กล้าออกหน้า อาศัยคนอื่น คอยให้ข้อมูลที่บิดเบือน ให้ร้ายสถาบัน อย่างต่อเนื่อง
นายเสกสกลยังกล่าวต่อว่า สำหรับกฎหมาย มาตรา 112 ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยสร้างปัญหาใด ให้กับประชาชนคนทั่วไปเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น และพวกที่โดนดำเนินคดีนั้น เป็นพวกที่ ชอบอ้างเสรีภาพ และกล่าวให้ร้ายสถาบัน ทั้งที่เรื่องต่างๆ นั้นเป็นความเท็จ ทั้งสิ้น การมีกฎหมายที่จะคุ้มครองประมุขของประเทศไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด ขนาดบุคคลทั่วไป ยังมีกฎหมายหมิ่นประมาทไว้คุ้มครอง ตัวนายปิยบุตรเอง ยังไปฟ้องคนอื่น เวลาคนอื่นกล่าวหา หรือหมิ่นประมาทได้ มีแต่นายปิยบุตร กับพวกที่จ้องทำลายสถาบัน เท่านั้นที่มองว่า กฎหมายมาตรา 112 เป็นอุปสรรค ต่อการบ่อนทำลายชาติ ทำลายสถาบัน ดังนั้นจึงพยายามเชื่อมโยงทุกเรื่องเข้าด้วยกัน เพื่อให้คนรุ่นใหม่เชื่อตามที่นายปิยบุตรให้ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี ไม่เอาความจริงมาพูด
“ตนและประชาชนส่วนใหญ่ที่จงรักภักดี ขอสาปแช่งนายปิยบุตร ตรงนี้เลยว่าขอให้ชีวิตจงมีแต่ความวิบัติ เพราะคิดร้ายกับสถาบันฯ อกตัญญู ต่อแผ่นดินเกิด ซึ่งถ้านายปิยบุตร อยู่ประเทศไทยแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่เห็นจะต้องมาจ้องทำร้ายสถาบัน หรือให้ร้ายสถาบัน ก็ย้ายไปอยู่กับเมียที่ฝรั่งเศสเสีย ตนก็จะได้จุดประทัด ฉลองให้ด้วย และเชื่อว่าคนไทยก็ยกมือท่วมหัว หากว่าคนอย่างนายปิยบุตร ออกไปจากประเทศไทยเสียที แผ่นดินไทยก็คงสูงขึ้นกว่านี้อีกมาก”