ลูกชายจอมพลถนอม เปิดความลับ 14 ตุลา ที่ไม่ได้ถูกเขียนในประวัติศาสตร์

ลูกชาย จอมพลถนอม เล่าเหตุการณ์สำคัญ ที่คุณพ่อต้องทำการปฏิวัติรัฐบาลตัวเอง ไม่เกี่ยวกับในหลวง ร.9 ตามที่ฝ่ายธรรมศาสตร์เขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมา จนต่อเนื่องมาถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งมีข้อมูลหลายอย่างถูกบิดเบือน

วันที่ 6 ต.ค. – พลอากาศเอก ยุทธพงศ์  กิตติขจร บุตรชาย จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลในเหตุการณ์ 14 ตุลา ปี 2516  เปิดโอกาสให้ผู้บริหารและทีมข่าว Top News เข้าพบเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง ว่า ต้องการชี้แจงและเคลียร์ประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนที่ถูกฝ่ายผู้ชนะเป็นคนเขียนขึ้นมามีความบิดเบี้ยวไปบ้างซึ่งศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ก็อาจจะได้รับข้อมูลทางฝั่งธรรมศาสตร์ ที่อาจจะไม่ถูกต้อง จึงอยากจะพูดข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีการบันทึกไว้ที่ไหน

 

พล.อ.อ. ยุทธพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้เริ่มมาตั้งแต่สมัยปฏิวัติ 17 พฤศจิกายน 2514  ตอนนั้นพรรคสหประชาไทยเป็นรัฐบาล ซึ่งมาจากหลายกลุ่มเหมือนอย่างพรรคพลังประชารัฐในตอนนี้ ส.ส.ที่เข้ามาอยู่ในพรรคไม่มีอุดมการณ์มีแต่ผลประโยชน์อย่างเดียวมักจะเรียกร้องผลประโยชน์แลกกับการผ่านกฎหมายสำคัญ ทำให้สภาจะผ่านกฎหมายแต่ละฉบับมีความยากเย็นเพราะ ส.ส.แตกเป็นกลุ่มเป็นก้อนยื่นข้อเสนอตลอดเพื่อเป็นข้อต่อรอง  ทำให้รัฐบาลทำงานลำบากมาก กฎหมายแต่ละฉบับจะผ่านใช้เวลานานมาก ฉะนั้นทางคณะปฏิวัติจึงตัดสินใจปฏิวัติตัวเองซึ่งทีแรกคิดว่าจะยุบสภาแต่เมื่อปรึกษาผู้ใหญ่ในคณะรัฐบาลแล้วว่าหากยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ส.ส.ที่ไม่มีอุดมการณ์พวกนี้ก็กลับมาเหมือนเดิมก็วนเวียนแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น จึงตัดสินใจปฏิวัติในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 เป็นการยึดอำนาจรัฐบาลตัวเอง

 

พล.อ.อ.ยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า คณะปฏิวัติมีทั้งหมด16 คนอยู่ใน 3 เหล่าทัพทำหน้าที่เหมือนคณะรัฐมนตรีประชุมทุกวันอังคารเหมือนปัจจุบัน  โดยภายหลังประกาศปฏิวัติถึงจะได้ขอเข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทูลให้ทรงทราบถึงเหตุผลการตัดสินใจปฏิวัติตัวเอง ขอยืนยันว่าไม่ได้รับคำรับสั่งจากในหลวงให้ปฏิวัติแต่อย่างใด เรื่องนี้ทำให้ฝ่ายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มผู้ชุมนุมในปัจจุบันนำมาเป็นข้ออ้างว่า การปฏิวัติครั้งนั้นถูกใช้ให้ทำโดยกษัตริย์ซึ่งไม่เป็นความจริงซึ่งในขณะนั้นตนได้มาช่วยคุณพ่อในการประชุมคณะรัฐมนตรีตลอด โดยวาระสำคัญที่มีการถกเถียงกันในครม.คือ เรื่องขุดคอคอดกระ ได้เชิญหน่วยต่างๆ ด้านเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคงมาชี้แจง ขณะนั้นทางภาคใต้มี 3 กลุ่มใหญ่คือ  มีกลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกลุ่มโจรจีนใต้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลไทยที่จะต้องปราบปราม  หากขุดคอคอดกระจะถูกนำไปอ้างเรื่องการแบ่งแยกดินแดนในทันที จึงยุติไม่มีการสร้าง และอีกเรื่องที่ทำให้เกิดสถานการณ์คือการสร้างสนามบินอู่ตะเภา

 

นอกจากนี้ พลอากาศเอก ยุทธพงศ์บอกอีกว่า จากนั้นเรื่องราวได้เชื่อมโยงมาถึง 14 ตุลาคม 2516 ชนวนเหตุก็คือเรื่องการต่ออายุอธิบดีกรมตำรวจของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ซึ่งจอมพลถนอม ได้รับหนังสือลงนาม และบัตรสนเท่ห์ ร้องเรียนมาก่อนที่จะพิจารณาวาระต่ออายุราชการอธิบดีกรมตำรวจ โดยได้ตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งพบว่ามีมูลมากพอสมควรทั้งเรื่องการซื้อตำแหน่งและชู้สาวเยอะมาก และก่อนจะพิจารณาเรื่องต่ออายุราชการพบว่ามีการแจกรถหรู BMW 3 คัน ให้จอมพลประภาส จารุเสถียร 1 คัน ให้พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ 1 คันและให้พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา อีก 1 คัน ส่วนใครจะรับหรือไม่ไม่ทราบเมื่อมาถึงการประชุม จอมพลถนอมตัดสินใจไม่ต่อให้ โดยจอมพลถนอมพูดในห้องประชุมว่าหากใครที่รับรถ BMW มาแล้วให้เอาไปคืน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดการสร้างศัตรูครั้งใหญ่ให้กับคุณพ่ออย่างร้ายแรง

 

พล.อ.อ.ยุทธพงศ์ ระบุว่า สำหรับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 ซึ่งจอมพลประภาส ผบ.เหตุการณ์ได้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาว่า “ห้ามให้ทหารใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม นอกเสียจากทหารถูกฝ่ายตรงข้ามยิงตายมากกว่า 10 คนขึ้นไป” แต่ปรากฏว่าคำสั่งถูกคนเผาทิ้ง แต่มีคนเก็บสำเนาไว้ได้ ซึ่งในวันที่ 14 ตุลาคม ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้เคลื่อนออกไปด้านนอก ซึ่งเมื่อเปิดให้ออกด้านนอกนักศึกษาจึงขอเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวโดยมีหัวหน้านักศึกษาคือ นายธีรยุทธ บุญมี และทรงให้นักศึกษากลับบ้าน แต่กลับมีตำรวจ พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังตั้งขบวนขวางไม่ให้ศึกษาออก ซึ่งรู้กันอยู่แล้วว่า พล.ต.อ.มนต์ชัยเป็นคนของพล.ต.อ.ประเสริฐซึ่งเชื่อว่าถูกสั่งการมา จนเกิดเหตุบานปลายมีการปราบปรามนักศึกษาจนทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บ ไม่ได้มาจากคำสั่งยิงจากจอมพลถนอมหรือจอมพลประภาส แต่อย่างใด

 

พล.อ.อ.ยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นได้มีการเจรจาระหว่างหัวหน้านักศึกษาโดยนายธีรยุทธ และแกนนำ 13 คนขอให้ปล่อยนักศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งนักศึกษาจะสลายตัวกันไปและขอให้ร่างรัฐธรรมนูญภายใน 1 ปี แต่อีกฟากของนักศึกษาที่นำโดยนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่มาทางราชดำเนิน จึงทำให้เกิดการชุลมุนวุ่นวาย และตำรวจที่มากั้นไม่ให้ออกทำให้นักศึกษากระโดดข้ามคลองและเกิดการปะทะกันขึ้น ประกอบกับมีคำสั่งให้ไล่นักศึกษาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อให้กลับบ้าน ขณะนั้นพ.อ.ณรงค์ กิตติขจร จึงอาสาขึ้นบินเฮลิคอปเตอร์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ซึ่งพบว่ามีนักศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก จึงแจ้งว่าไม่ควรที่จะให้ทหารเข้ามาไล่

 

แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันคือ มีกลุ่มคนใช้ปืนยิงมาจากบนตึกสูง โดยยิงใส่ทั้งเจ้าหน้าที่และนักศึกษา แต่ไม่ได้ยิงมาจากเฮลิคอปเตอร์ของพ.อ.ณรงค์ การที่มีคนนำภาพเฮลิคอปเตอร์ที่มีกระบอกปืนส่องลงมาด้านล่างนั้นเพราะเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ไว้ใช้รบจึงมีปืนกันชิพอยู่ด้านในด้วย แต่ไม่ได้ยิงเพราะหากยิงปืนกันชิพ คงจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพันแน่นอน แต่เป็นการยิงมาจากบนยอดตึกและยิงมาจากทั้งสองฝ่าย ทำให้ตำรวจทหารเข้าไปจับกุม 13 คนที่ยิงจากตึกสูงลงมาใส่นักศึกษาได้ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าทั้ง 13 คนพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะเป็นชนเผ่าแม้วมีใบ ปป.33 ทั้งหมด โดยได้มีการบันทึกหลักฐานไว้ด้วย

 

พล.อ.อ.ยุทธพงศ์ กล่าวตอนท้ายว่า จากนั้นเวลา 19.15 น. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า คุณพ่อ (จอมพลถนอม กิตติขจร) ขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว และมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายสัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เหตุการณ์ยังไม่สงบ ผู้ประท้วงประกาศว่าจะปักหลักชุมนุม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตลอดทั้งคืน

 

ต่อมาในเวลาหัวค่ำของวันที่ 15 ตุลาคม คุณพ่อ (จอมพลถนอม ) , จอมพลประภาส และ พันเอกณรงค์ ได้เดินทางออกนอกประเทศแล้ว เหตุการณ์จึงค่อยสงบลง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เคาะวันแล้ว กกต. เปิดแผนงานเลือกตั้งนายก-สมาชิกอบจ.
"เคนโด้" นำ "กลุ่มผู้เสียหาย" ค้านประกันตัว "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" หวั่นคุกคามเหยื่อ
วัดพิบูลสัณหธรรม เตรียมจัดงานวันลอยกระทงเพื่อสมทบทุนบูรณะต่อเติมศาลาการเปรียญให้แล้วเสร็จ เพื่อใช้ประโยชน์ ในการประกอบศาสนกิจของวัด ใช้ประกอบพิธีในพระพุทธศาสนา
ชื่นชม หนุ่มใหญ่จิตอาสาชาวชะอำ จ.เพชรบุรี เดินลุยฝนเก็บขยะอุดตันตามท่อ เพื่อช่วยระบายน้ำท่วม
สุดเสียวกลางดึกช้างป่าบุกใจกลางชุมชนบ้านเกาะลอยซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ โฉบบ้านนักข่าวก่อนเข้าพังรั้วค่ายทหารพรานที่1306 เสียหาย ทำชาวบ้านผวาหวั่นอันตราย
หมูเด้ง เสี่ยงทายเลือกตั้งสหรัฐฯ ประธานาธิบดีอเมริกาคนต่อไป คือคนนี้ รอลุ้นจะใช่หรือไม่
"ทนายสมชาติ" พา "เจ๊อ้อย" เข้าให้ปากคำ "ตำรวจกองปราบฯ" เพิ่ม ปมเงิน 71 ล้านบาท
“ทนายตั้ม” โผล่พบตํารวจกองปราบฯ ชี้แจงปมเงิน 71 ล้านบาท
"ภูมิธรรม" มอง MOU44 กลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อน พปชร.ไปถาม "บิ๊กป้อม" เคยนำเจรจากัมพูชา ก่อนมาคัดค้าน
"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น