เมื่อวันที่ 3 พ.ค. พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรณีที่มีการระบาดของเชื้อสายพันธ์แอฟริกาจากผู้ที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียว่า ยังคงมาตรการเข้มข้นในการเฝ้าตรวจพื้นที่ชายแดน ทั้งบุคคลที่เข้ามาถูกกฎหมายและลักลอบเข้ามา โดยต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง และต้องเข้าสู่สถานที่กักตัวของรัฐ หลังจากที่ประเทศมาเลเซียขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมดภายในวันที่ 21 เม.ย.นั้น ก็พบว่ามีคนไทยเดินทางกลับมาประเทศจำนวนน้อย สำหรับการปฏิบัติตามแนวชายแดนทางพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้เพิ่มเติมกองกำลังเข้ามาแล้ว
พล.ท.เกรียงไกร กล่าวต่อว่า กองทัพภาคที่ 4 ได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และนับแต่มีการแพร่ระบาดยังไม่พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ด้านในได้รับเชื้อจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกห่วงใยและสั่งการดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด ในการระบาดระลอกแรกช่วงปีที่แล้ว มีผู้เดินทางเข้ามาประมาณ 2.8 หมื่นคน เข้าเมืองถูกกฎหมาย 2.8 หมื่นคน และลักลอบเข้าทางเส้นทางธรรมชาติ 4 พันกว่าคน ในช่วงที่เดินทางเข้ามาจากผลกระทบของการขีดเส้นตายของประเทศมาเลเซีย มีจำนวน 400-500 คน ในจำนวนนี้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไม่ถึง 100 คน แต่ทั้งหมดจะเข้าสู่การคัดกรองตามมาตรการอย่างเข้มข้น หากเล็ดลอดเข้าไปในหมู่บ้านก็จะมีกองกำลังภาคประชาชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในการสอดส่องดูแลอีกชั้นหนึ่งว่ามีใครที่แปลกหน้า ไม่ใช่คนในหมู่บ้านก็จะถูกนำเข้าสู่พื้นที่กักตัวแห่งรัฐต่อไป
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงการแพร่ระบาดสายพันธุ์แอฟริกา หากเข้ามาประเทศมีแผนรองรับขั้นตอนต่อไปอย่างไร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางผู้บัญชาการทหารบกก็เป็นห่วง และได้เน้นย้ำในเรื่องนี้ ซึ่งก็นำไปสู่การปฏิบัติของกองกำลังชายแดนอย่างเคร่งครัด และยังคงใช้มาตรการของรัฐบาล และศบค.นำมาปฏิบัติในพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยประชาชนในพื้นที่ตระหนักรู้และใส่ใจต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด คิดว่าเอาอยู่กับการดูแลสถานการณ์ในช่วงต่อไป