หลังจากที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ สธ. แถลงเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) เกี่ยวกับ ยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส มีกลไกออกฤทธิ์ ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด ได้เกือบทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม เดลตา แกมมา หรือ มิว
ทั้งนี้ สธ. ได้หารือรายละเอียดกับ “เมิร์ค ประเทศไทย” ตั้งแต่เดือน ก.ค. ในการนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์
ก.ค.-ส.ค. กรมการแพทย์ หารือกับ MSD (บริษัทลูกของเมิร์ค) เกี่ยวกับข้อมูลยาและการวิจัย
ส.ค.-ก.ย. กรมการแพทย์ หารือกับ MSD เกี่ยวกับการจัดหาและจัดซื้อยา
ก.ย.-ต.ค. กรมการแพทย์ หารือกับ MSD เกี่ยวกับสัญญาซื้อ-ขาย โดยทางกรม ได้จัดทำร่างหนังสือสัญญาซื้อขาย จำนวน 40 หน้า เสร็จเรียบร้อยเมื่อ 5 ต.ค.
ต.ค.-พ.ย. ประมาณการว่า โมลนูพิราเวียร์ จะผ่านการขึ้นทะเบียนจาก FDA ของสหรัฐฯ
พ.ย.-ธ.ค. ประมาณการว่า โมลนูพิราเวียร์ จะผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ไทย
ธ.ค.-ม.ค. 2565 คาดว่า ในไทยจะได้รับ ยาโมลนูพิราเวียร์ มาใช้ต้านไวรัส
ล่าสุด นายแพทย์สมศักดิ์ เปิดเผยกับ ทีมข่าว ท็อปนิวส์ ว่า ขณะนี้ได้จัดทำ ร่างหนังสือสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับบางข้อความ ระหว่างกรมกับบริษัทเมิร์ค ซึ่งจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ตนเข้าใจว่า ทางบริษัทก็ต้องรักษาผลประโยชน์ ส่วนเราก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เช่นกัน หากเห็นชอบแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะส่งให้ อัยการสูงสุด ตรวจร่างสัญญาอีกครั้ง ก่อนเซ็นสัญญา
ส่วนเรื่องจำนวนยาที่จะนำเข้ามานั้น นายแพทย์สมศักดิ์ ยังไม่ขอระบุ เนื่องจากยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันและทางบริษัท ก็ไม่อยากให้เปิดเผยข้อมูล และเราเองก็ต้องปรับไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาด พร้อมกับตัวเลขผู้ติดเชื้อด้วย
สำหรับ แนวทางการรักษานั้น นพ.สมศักดิ์ เผยว่า จะได้มีการนัดเจรจากับผู้เชี่ยวชาญของไทย ศึกษาข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลของบริษัทเมิร์ค ระหว่างที่ เมิร์ค กำลังขอขึ้นทะเบียนยา กับ FDA สหรัฐ พร้อมกับศึกษาตัวยาฟาวิพิราเวียร์ ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ การรักษาผู้ป่วยโควิด นั้น คาดว่า อาจจะใช้สูตรคอกเทล ก็คือ การใช้ยาร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตามนั้น ก็ต้องขอดูข้อมูลเชิงลึกของยาโมลนูพิราเวียร์ก่อน โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ ที่จัดทำแนวทางการรักษา ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบกับยาฟาวิพิราเวียร์ ว่าจะจัดทำแนวทางการรักษาอย่างไร ภายใน 2 สัปดาห์นี้ ระหว่างที่ เมิร์ค กำลังขอขึ้นทะเบียนยากับ FDA สหรัฐ
ขณะที่ ราคาจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ที่มีหลายคนบอกว่า มีราคาแพงมากนั้น ตกเม็ดละ 58 บาทนั้น นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ราคาของแต่ละประเทศ จะไม่เท่ากัน อาจจะเป็นราคาของสหรัฐ แต่สำหรับ ประเทศไทย เป็นประเทศรายได้ปานกลาง ก็จะได้ราคาที่ถูกกว่าสหรัฐแน่ ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้สูง แต่ ไทย ก็อาจจะซื้อแพงกว่าประเทศที่รายได้ต่ำ เช่น กัมพูชา หรือ พม่า ตามระดับรายได้ของแต่ละประเทศ ซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจาก บริษัทไม่ต้องการให้เปิดเผยข้อมูล