อย่าเรียกว่าการชุมนุม แต่นี่คือการรวมกลุ่มเพื่อก่ออาชญากรรม ที่นับวันกลุ่มทะลุแก๊ส จะปรับเปลี่ยนยุทธวิธีเพื่อก่อให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นล่าสุด พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สอบปากคำผู้เข้าร่วมก่อความไม่สงบที่ถูกจับกุมตัวได้ 2 คน ที่รับสารภาพว่าทุกครั้งที่มีการชุมนุมจะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง นำปืนและกระสุน จริงๆ เข้ามาด้วย นอกจากนี้ยังให้ผู้ชุมนุมปลอมตัวเป็นบุรุษพยาบาล ทำทีเป็นหิ้วกระเป๋าเครื่องมือปฐมพยาบาล แต่ภายในกระเป๋ากลับซุกระเบิดแสวงเครื่อง 3 ลูก เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุมใช้ก่อเหตุความรุนแรง
เรื่องนี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. ระบุว่า การก่อความไม่สงบที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมใช้อาวุธจริง เพราะจะเห็นได้ว่ามีตำรวจและประชาชน ได้รับบาดเจ็บ อยู่เป็นประจำ แม้จำนวนผู้ชุมนุมลดลง แต่กลับเน้นความรุนแรงมากขึ้น ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งตอกย้ำว่าการรวมกลุ่มที่สามเหลี่ยมดินแดง ไม่ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำดังกล่าวคือการก่ออาชญากรรมประเภทหนึ่ง เพราะทั้งปืน และระเบิด เป็นอาวุธร้ายแรง ที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต แก่ตำรวจและประชาชน
พล.ต.ต.จิรสันต์ บอกต่ออีกว่า นอกเหนือจากการใช้อาวุธจริงแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน เข้ากระชับพื้นที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะใช้ยุทธวิธี “หนีเข้าชุมชน” โดยพากันหลบหนีเข้าไปในพื้นที่แฟลตดินแดง พยายามทำให้คนภายนอกได้เห็นว่าชาวชุมชนแฟลตดินแดงให้การสนับสนุนและรู้เห็นเป็นใจกับการก่อความไม่สงบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประชาชนชาวแฟลตดินแดงส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มทะลุแก๊สเลย ยืนยันว่าการปฏิบัติการของตำรวจได้รับความร่วมมือจากชาวแฟลตดินแดงเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามการก่อกวนและก่อความวุ่นวาย ทุกวัน ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวและหลักฐานอื่น ๆ ให้ได้มากที่สุดเพราะต้องการสาวให้ถึง “ไอ้โม่ง” ที่อยู่เบื้องหลัง ที่สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งนับวันยิ่งส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง อย่างเช่นกรณีการยิง ส.ต.ต.เดชวิทย์ เล็ทเทนสัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจ เพราะเมื่อแพทย์ได้ผ่ากระสุนออกจากศีรษะ พบว่า กระสุนนัดนี้ทำจากทองแดง ถือเป็นอาวุธรุนแรง เพราะสามารถยิงทะลุหมวกกันน็อกได้ในนัดเดียว
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นกระสุนชนิด R.I.P. ซึ่งผลิตโดย บริษัท จีทู รีเสิร์ช ในมลรัฐจอร์เจียของสหรัฐอเมริกา โดยกระสุน R.I.P เป็นกระสุน ที่ออกแบบมาให้มีอานุภาพรุนแรง สามารถทำลายอวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกาย ซึ่งต้องถามว่า การใช้กระสุนชนิดนี้ ผู้ชุมนุมมีศักยภาพเพียงพอในการซื้อใช้หรือไม่ เนื่องจากมีราคาแพงและหายาก
พล.ต.ต.จิรสันต์ บอกต่ออีกว่า การที่มีคนไปปั่นข่าวว่า การยิงครั้งนี้อาจไม่ใช่ฝีมือของผู้ชุมนุม แต่มาจากตำรวจ หรือบุคคลที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ นั้นขอยืนยันว่า แนววิถีกระสุนมาจากฝั่งตรงข้ามตำรวจควบคุมฝูงชน และในทุกครั้งที่มีปฏิบัติการ ตำรวจควบคุมฝูงชนไม่เคยได้รับอนุญาตให้ใช้ปืนจริง