วันนี้ (9 ต.ค. 64) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังน่าเป็นห่วง ผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นสูงอย่าต่อเนื่อง และยังคงเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม โดยยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 8 ต.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งอีก 514 ราย เสียชีวิตรายใหม่อีก 6 ราย จนขณะนี้มียอดติดเชื้อสะสม 25,581 ราย รักษาหาย 16,491 ราย และเสียชีวิตสะสม 320 ราย ในจำนวนนี้อำเภอเมืองมีผู้ติดเชื้อสูงสุดถึง 1,302 ราย และหากพบว่าผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด เตียงในโรงพยาบาลสนามก็จะรองรับไม่เพียงพอ โดยขณะนี้เหลือเพียง 883 เตียง
สำหรับผู้ติดเชื้อในจังหวัดปัตตานีที่เพิ่มขึ้นสูง เนื่องจากได้มีมาตรการผ่อนคลาย ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ และประมาท หลายคนไม่สวมแมสก์ และไม่เว้นระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะการทำกิจกรรมรวมกลุ่มกัน ทั้งงานเลี้ยงฉลอง ร้านอาหาร ร้านน้ำชา ส่งผลต่อการติดเชื้อและมีการแพร่กระจายเชื้อโควิดลงไปสู่ชุมชนและครอบครัวมากขึ้น ทำให้ประชาชนกังวล และหวาดผวา หวั่นมีการล็อกดาวน์เข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับจังหวัดปัตตานีมีความกังวลการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ เช่น คลัสเตอร์ร้านอาหารเนื้อย่างกระทะ และคลัสเตอร์งานแต่งงาน ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากคลัสเตอร์เหมือนในรอบที่แล้ว แต่เป็นการติดเชื้อระหว่างคน 2 คน ก่อนกระจ่ายเชื้อเป็นวงกว้าง
ด้านนายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ได้เร่งปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่ได้ประกาศอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ทุกคนระมัดระวังป้องกันตนเอง เมื่อรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยง ต้องกักตัวดูแลตนเองและครอบครัว ควบคู่กับการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง Antigen Test Kit (ATK)
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่ศูนย์ฉีดวัคซีน หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ยังคงมีการฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ให้กับนักเรียน นักศึกษา อายุ 12 ปีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่ามีนักเรียน นักศึกษาในจังหวัดปัตตานี จำนวน 68,367 คน ซึ่งประสงรับวัคซีนจำนวน 43,619 คน โดยตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมา นักเรียน นักศึกษาได้รับวัคซีนไปแล้ว 4,000 กว่าคน
ขณะเดียว วันที่ 9-10 ตุลาคม ทางโรงพยาบาลปัตตานีมีการเปิดให้กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถเดินทางมาฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ทั้งที่โดยไม่ต้องจอง ซึ่งจะมีการเปิดให้มารับวัคซีน วันละ 2,000 คน ซึ่งจะได้รับวัคซีนเข็มที่1 เป็น ซิโนแวค เข็มที่2 เป็น แอสตร้าเซนเนก้า