ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม 2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ดร.ศุภชัย ศรีหล้า ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (ผู้ริเริ่มโครงการ) พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและคณะติดตาม ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่ บ้านนาดี ต.ยางสักกระโพหลุ่ม อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยมี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสัมพันธ์ เดือนศิริรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุบลราชธานี สำนักงานชลประทานที่ 7 กรมชลประทาน หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วงงาน และประชาชนที่อยู่ในชุมชนโดยรอบอ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่กว่า 100 คนให้การต้อนรับ
สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รองรับน้ำจากลำน้ำทุกสายในภาคอีสาน ทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2562 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อมารับทราบปัญหา พร้อมเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรชาวจังหวัดอุบลราชธานี และได้ผลักดันสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการขุดลอกและปรับปรุงโครงการอ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่ เพื่อเป็นแก้มลิงรองรับน้ำ ไม่ให้มวลน้ำลงไปยังลำเซบก ป้องกันไม่ให้ท่วมพื้นที่อำเภอตระการพืชผล อีกทั้งชาวบ้านในอำเภอม่วงสามสิบและใกล้เคียงยังได้รับประโยชน์มีแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรอย่างเพียงพอและทั่วถึง พร้อมกันนี้ ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งเช็คอินแห่งใหม่แห่ง จ.อุบลราชธานีอีกด้วย
โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แจกพันธุ์ปลาตะเพียนจำนวน 1 แสนตัว ให้กับประชาชนใน 8 หมู่บ้านที่อยู่บริเวณรอบอ่างเพื่อนำไปเลี้ยงประกอบเป็นอาชีพต่อไป
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่ ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้จัดให้เป็นโมเดลระดับประเทศในการพัฒนาพื้นที่แหล่งน้ำที่มีอยู่ ให้สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้นกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ และจะเป็นการป้องกันอุทกภัย พร้อมแก้ปัญหาภัยแล้งภายในตัว และเป็นต้นแบบเพื่อให้ทุกที่ได้มาดูว่า การเพิ่มต้นทุนน้ำโดยพื้นที่ที่มีอยู่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเป็นอย่างไร โดยหลังจากสร้างเสร็จจะไม่เพียงเป็นการส่งเสริมการเกษตรเพียงอย่างเดียว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.อุบลราชธานี และยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา กุ้ง ให้พี่น้องประชาชนได้จับนำไปประกอบอาหาร และยังเป็นรายได้เสริมได้อีกต่อไป.
ภาพ/ข่าว ทีมข่าว ศูนย์ข่าวภูมิภาค TOP NEWS ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ