ศบค.ชี้แจง ปมว่อนข่าว ฉีด mRNAอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพใน 1-2 ปี

ศบค.ชี้แจง ปมว่อนข่าว ฉีด mRNAอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพใน 1-2 ปี

นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในสภาวะฉุกเฉินกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยถึงกรณีมีข่าวทางโซเชียลมีเดีย ทั้งข่าวปลอมในแง่ว่าวัคซีนที่เป็น mRNA อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพใน 1-2 ปี หลังการฉีดวัคซีน

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง วัคซีนมีการศึกษา วิจัยตามมาตรฐาน ประเทศผู้ผลิตมีการฉีดไปมากมาย ฉะนั้นไม่มีทางที่จะออกผลอันตราย ยืนยันว่าเรามีการศึกษาตรวจสอบเอกสารต่างๆ เป็นอย่างดี ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและขอให้ติดตามแหล่งข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทางการหรือข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูง

พร้อมขอย้ำว่า ในการฉีดวัคซีนของนักเรียน ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะไปกำหนดว่าจะเปิดหรือไม่เปิดโรงเรียน เพราะมาตรการสำคัญได้มีการกำหนดแนวทางไว้เรียบร้อยชัดเจน เช่น อยู่ที่โรงเรียนทำมาตรการได้ครบถ้วนหรือยัง ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุดมศึกษาฯ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้มีการพูดคุยและจัดทำเป็นแนวทางไว้แล้ว

เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา บุคลากรของโรงเรียนต้องได้รับการฉีดวัคซีนเกือบ 100% ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะใช้ในการประกอบการพิจารณาเปิดโรงเรียนไม่ใช่การฉีดวัคซีนนักเรียนได้เท่าไหร่ และทั้งหมดจะเป็นการบริหารจัดการในพื้นที่และดูถึงมาตรการการดำเนินการได้ดีแล้วหรือยัง

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยถึงกรณีข่าวลือในโลกออนไลน์ ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 มีมาก แต่อยากให้เชื่อข้อมูลทางหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า

ทั้งผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ประเทศทางยุโรป สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สหรัฐอเมริกา และไทย ต่างก็แนะนำว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ฉีดให้กับผู้อายุ 12 ปีขึ้นไป มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

ส่วนที่เผยแพร่ให้เกิดความหวาดกลัว เป็นข้อมูลเกินความเป็นจริง เป็นการคาดการณ์ในอนาคตในเรื่องของการฉีดไฟเซอร์ว่า ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับ DNA ซึ่งจริงๆ แล้ววัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนชนิด RNA ดังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ DNA ของมนุษย์

“เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ในประเทศทางทวีปอเมริกาและยุโรปก็ฉีดวัคซีนไฟเซอร์กันทั้งนั้น แล้วก็ฉีดไปจำนวนมากแล้ว แต่สำหรับนักเรียนที่มีความกังวลใจในเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ก็ขอเน้นย้ำว่าไม่ได้เป็นการบังคับฉีดแต่อย่างใด แต่หากประสงค์รับวัคซีนในภายหลัง ก็สามารถติดต่อเพื่อขอรับวัคซีนได้โดยจะไม่ถูกตัดสิทธิแต่อย่างใด” นพ.โอภาส กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น