นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ประกาศให้ระบบการกำกับดูแลวัคซีนของไทย อยู่ในระดับที่ 3 ของระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มีผลเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาซึ่งระดับดังกล่าวถือเป็นระดับสูงสุดอันดับ 2 เพราะระดับวัดสูงสุดคือระดับ 4 ทั้งนี้ นางมาเรียแองเจลา ซิเมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สุขภาพขององค์การอนามัยโลก ได้ประกาศในการประชุมวิสามัญของ ICDRA เมื่อวันที่ 20-24 กันยายน 2564 สำหรับระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติขององค์การอนามัยโลกใช้การประเมินผ่านเครื่องมือ Global Benchmarking Tool หรือ GBT ที่มีมาตรฐานโดยคำนึงถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยประเมินเป็นระดับวัด 1 ถึง 4 ซึ่งประเทศไทยอยู่ในระดับวัดที่ 3 หมายถึง ระบบการกำกับดูแลวัคซีนมีเสถียรภาพ มีการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ
นายธนกร กล่าวอีกว่า WHO ระบุว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไทยได้ปรับปรุงระบบการกำกับดูแลวัคซีนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการวัคซีนภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก ความคืบหน้าเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจ สามารถส่งออกวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศได้ รวมไปถึงมีส่วนสนับสนุนการจัดหาวัคซีนในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะขยายแนวทางการกำกับดูแลวัคซีน พัฒนายา และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน กระทรวงสาธารณสุข หมอ และพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่มีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนของไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าของของระบบสาธารณสุขไทย จนเป็นที่ยอมรับและได้รับการรับรองจากนานาชาติ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และวางแนวนโยบายที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนั้นกำชับประชาชนอย่าการ์ดตกหลังจากคลายล็อกปรับมาตรการมีประชาชนหลายจังหวัดมีกิจกรรมรวมตัวกันทำให้มีผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัด