วันที่ 11 ต.ค. –น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ตลอดเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยมีผู้ติดเชื้อต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน เพราะในระบบไม่ได้รวมผู้ติดเชื้อจากการตรวจเอทีเคไว้ด้วย ดังนั้นจึงไม่ควรส่งสัญญาณว่าสถานการณ์การระบาดดีขึ้นแล้ว แต่ควรปรับแนวคิดและเตรียมยุทธศาสตร์รองรับ ถึงการปรับตัวในการเผชิญหน้ากับโรคจะสอดรับกับสถานการณ์และอนาคตมากกว่า เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าโรคนี้จะแพร่ระบาดอีกยาวนานแค่ไหน จึงจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนไข้หวัด สิ่งที่ต้องสื่อสารกับประชาชนคือการทำความเข้าใจว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายโรคนี้ก็ไม่ได้น่ากลัว เป็นโรคที่รักษาได้ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่ปลอดภัย จัดงบประมาณที่เพียงพอต่อการจัดหาวัคซีนตามเวลา มีแผนที่ดีในการควบคุมโรค และระบบสาธารณสุขที่จะต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการล่าช้าของวัคซีนจนต้อง รอเตียง รอตาย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีก
น.ส.พิมพ์รพีกล่าวอีกว่า การปรับตัวเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด ที่ภาครัฐต้องเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเปลี่ยนโหมดกลัวโรค สู่การเผชิญหน้ากับโรคอย่างตื่นรู้ ก็จะช่วยกันทำลายห่วงโซ่ของการแพร่เชื้อได้ในระดับหนึ่ง การแพร่ระบาดที่ยอดพุ่งขึ้นในส่วนของสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่า แผนคุมโรคของรัฐบาลยังมีจุดบกพร่อง การฉีดวัคซีนยังไม่เพียงพอ การทำความเข้าใจกับประชาชนยังมีน้อย เรื่องเหล่านี้ต้องเร่งอุดรูรั่ว ขณะที่การเปิดประเทศที่นายกรัฐมนตรีพูดถึง ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ก็ควรมีแผนที่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าอย่างไร เพราะประเทศไทยไม่สามารถปิดอย่างไม่มีกำหนดได้