“หมอพรทิพย์” น้อมนำ 3 หลักคำสอนในหลวงร. 9 เป็นแนวทางใช้ชีวิต-รับราชการ ไม่ให้ท้อแท้

“หมอพรทิพย์” น้อมนำ 3 หลักคำสอนในหลวงร. 9 เป็นแนวทางใช้ชีวิต-รับราชการ ไม่ให้ท้อแท้ เปรียบพระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ คือผู้ให้ตลอดเวลา วอนคนรุ่นใหม่ขอให้ศึกษาและมองทำความเข้าใจ อย่าไปคิดว่าเราเกิดมาโดยไม่มีที่มาที่ไป ฝากไว้ให้คิด “ความจงรักภักดีไม่ใช่ความงมงาย แต่คือความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน”

แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กับ “สำนักข่าว Top News” ถึงในหลวงร. 9 เนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันสวรรคต 13 ต.ค.ว่า สำหรับความผูกพันที่มีต่อในหลวงร. 9 เริ่มต้นจากตอนเด็กๆ เราทุกคนมีความผูกพันอยู่แล้ว แต่ช่วงจังหวะแรกในชีวิตของตนคือตอนที่เป็นพยาธิแพทย์ ที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ปรากฎว่าเราพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องมือทางการแพทย์ ที่เราไม่มีงบประมาณเพื่อให้ทำงานต่อเนื่องได้ แต่ผู้ใหญ่ไม่เห็นความสำคัญ บอกว่างานกระจอก ทำให้รู้สึกท้อแท้ แต่ได้เปิดมาเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์ประทับนั่งข้างรถแลนด์โรเวอร์ ความรู้สึกของเราคือเราเป็นข้าราชการ ที่แปลว่าข้าของพระราชา เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงทำงานหนัก เราก็ไม่ควรคิดมากมายจุกจิก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความรู้สึกนั้นก็หายไปเลย ไม่คิดอะไรอีกเลยว่าจะทำให้ท้อแท้ ส่วนครั้งที่สองในชีวิตต้องตอบว่ายิ่งใหญ่มาก เพราะคุณพ่อเคยถามว่าอยากเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวไหม ตนตอบว่าอยากเป็นคุณทองแดง เพราะดูมีบุญมากที่ได้อยู่แทบเบื้องพระยุคลบาท แต่ก็ไม่คิดไม่ฝันว่าปี 2546 จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯเป็นคุณหญิง แต่ความรู้สึกของเราคือว่าพระองค์ไม่ได้ให้มาโดยบอกว่าคุณสำคัญ แต่เรารู้สึกว่าชีวิตข้างหน้าเราคงจะเจออุปสรรคมากมาย และเราจะจำความรู้สึกวันนั้นที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแล้ว จะไม่มีวันท้อถอย ตนไม่เคยได้ทำงานถวายโดยตรง สำหรับครั้งที่สามได้มีโอกาสได้รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วพระองค์พระราชทานรูปที่ทรงชุดทหารนาวิกโยธินทรงเรือใบที่ข้ามจากหัวหินมาสัตหีบเพื่อปักธง ที่ประทับใจตนคือรับสั่งที่ฝากมากับคนนำพระบรมฉายาลักษณ์มาให้นี้ว่า ชีวิตเราทุกคนเหมือนกีฬาเรือใบคือกีฬาที่เล่นคนเดียว เหมือนกับศาสนาพุทธ ที่เกิดคนเดียว ตายคนเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องไปให้ถึงฝั่ง ซึ่งฝั่งของพระองค์มีสองฝั่ง ที่รับสั่งว่าฝั่งที่หนึ่งานต้องสำเร็จ ทุกวันนี้เรารู้ว่างานเรายังไม่สำเร็จ ดังนั้นต้องทำให้สำเร็จ ส่วนที่สองที่ประทับใจคือฝั่งของเราคือนิพพาน จึงไม่ควรสุขหรือทุกข์ แต่จงไปให้ถึงฝั่งคือนิพพานโดยเร็ว ก็เป็นความประทับใจสามห้วงเวลาที่ประทับใจโดยตรง นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจ

ส่วนหลักคำสอนใดที่นำมายึดใช้ในชีวิตประจำวันและในการทำงานรับราชการนั้น แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า คำสอนของพระองค์มีเยอะมาก แต่มี 3 หลักใหญ่ๆที่ตนนำมาใช้ตลอด สิ่งแรกคือหลักเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เวลาจะทำงานอะไรหรือสร้างงานใหม่ คำนี้คือใช่เลย ลงไปงานภาคใต้กว่าที่เราจะหามือระเบิดได้ก็ต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา สิ่งที่สองคือ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ตอนแรกไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เมื่อเข้าใจแล้วคือการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางนี้มี 3 คำ คือมีความพอเพียง มีประสิทธิภาพ และมีภูมิคุ้มกัน สิ่งที่สามคือทศพิธราชธรรม ที่นำมาเช็คตลอดว่าเราทำได้หรือไม่ สิ่งที่เสียบ่อยๆคือเรายังมีอักโกธะคือความโกรธ

เมื่อถามว่าจะแนะนำความรุ่นใหม่ให้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านอย่างไร แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับคนรุ่นใหม่ตนเข้าใจและเห็นใจว่ามันยาก เพราะเมื่อเขาเกิดมาก็ไม่ค่อยได้เห็นพระองค์ท่านแล้ว ที่สำคัญคือเกิดมาในยุคสมัยที่เชื่อเฉพาะตาเห็น และหูฟัง สังคมนี้ตาไม่เห็นแล้วยังฟังสิ่งที่ไม่ดี ก็อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่าวันหนึ่งที่ท่านเริ่มทุกข์ท่านจะมองหาอะไรสักอย่าง เมื่อนั้นจะเริ่มเห็นใครบางคน ผู้ซึ่งมีแต่ให้ และคนนั้นก็คือพระเจ้าแผ่นดินของไทยโดยเฉพาะในหลวงร. 9 ที่ทรงเป็นตัวอย่าง จะทำให้เราหายทุกข์และมีกำลังใจเดินหน้าต่อ อยากฝากคนรุ่นใหม่ว่าสิ่งเหล่านี้อย่าคิดว่าต้องมองเห็นเท่านั้นหรืออย่าเชื่อในสิ่งที่ฟังเขามา แต่เราต้องมีปัญญารู้ด้วยตนเอง แล้วเราจะรู้ว่ายิ่งใหญ่ปานใด

เมื่อถามว่า สิ่งสำคัญตอนนี้คือความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบัน ที่อยากให้คนรุ่นใหม่เข้าใจสิ่งนี้ แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับคนรุ่นใหม่มันยากที่เราจะเข้าใจเขา แต่ถ้าคนเรามีเวลาแล้วหยุดนิ่งๆ ใช้สติปัญญากรองดู จะรู้ว่าประเทศไทยเราไม่ได้เป็นแค่แผ่นดินไทยที่เป็นเอกราช แต่เป็นประเทศไทยที่ได้นำพระพุทธศาสนามาดูแล ถ้าได้ศึกษาจะเห็นว่าหากพระมหากษัตริย์ไม่ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็ไม่มีทางอยู่ได้ ซึ่งในหลวงร. 9 ถ้ามีเวลาให้ย้อนกลับไปศึกษาด้วยตนเองว่าพระองค์ท่านก็คือพระโพธิสัตว์ที่เป็นผู้ให้ตลอดเวลา สิ่งที่อยากฝากคือความจงรักภักดีไม่ใช่ความงมงาย แต่คือความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนกำลังทำ คือการจงเกลียดจงชัง ให้ร้าย มันคือการทำผิดในศาสนา กว่าจะรู้ตัวก็จะสายไป จึงอยากบอกว่า ต้องหยุดนิ่งๆแล้วลองคิดด้วยตนเอง เชื่อว่าทุกคนจะมองเห็นว่าประเทศไทยมีที่มาอย่างไร

“อยากบอกคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อว่าในช่วงที่เขาเกิดมายังอยู่ในรัชกาลที่ 9 เมื่อเกิดบนแผ่นดินไหนขอให้ศึกษาและมองทำความเข้าใจ อย่าไปคิดว่าเราเกิดมาโดยไม่มีที่มาที่ไป แล้วเราจะเข้าใจ โดยเฉพาะในหลวงร.9 ทรงเป็นผู้ให้ โดยเฉพาะกับความยากลำบากของมนุษย์ที่ปัจจุบันมีแต่เรื่องผลประโยชน์ เราจะเห็นตัวอย่างที่พระองค์ท่านให้และสร้างเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ตั้งใจที่จะไปร่วมทำบุญถวายภัตตาหารเพลที่วัดแก้วฟ้าจุฬามณีร่วมกับเพื่อนสมาชิกวุฒิสภา” แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ กล่าว.

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยันค่าไฟไม่ได้เพิ่ม แต่ลดลงเหลือ 3.99 บ.ต่อหน่วย
โค้งสุดท้าย "พิพัฒน์" นำทีมภูมิใจไทย เคาะประตูบ้าน ชาวเมืองคอน ขอเสียงหนุน "ไสว" เป็นสส.เขต 8
ชาวเมืองน่าน เข้าพบ "นิพนธ์" อดีตรมช.มหาดไทย ผลักดันพิสูจน์สิทธิ ออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยนานกว่า 30 ปี
"สันติสุข" ปลื้มปริ่ม "ในหลวง-พระราชินี" ทรงขับเครื่องบิน เสด็จฯเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ สุดประทับใจคนไทย
“ทักษิณ” ลั่นไม่สั่งใครเบรค “กัน จอมพลัง” ยุ่งคดีพีช ฟาด "เต้ มงคลกิตติ์" หลังปูดข่าว
"เจ้าอาวาส" สุดทนขึ้นป้าย “ไม่มีเงินให้ขโมยแล้ว” หลังคนร้ายงัดตู้บริจาคหลายครั้ง
“ทักษิณ” กลับเชียงใหม่อีกครััง เปิดให้รดน้ำดำหัว ขอพรในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนช่วย “อัศนี” หาเสียงพรุ่งนี้
“นายกฯ” เตรียมลุยประชุม ครม.สัญจร หลังออกจาก รพ.แล้ว จ.นครพนม 28-29 เม.ย.นี้
"ดีอี" ยกระดับศูนย์ AOC 1441 สู่ ศปอท. เพิ่มประสิทธิภาพบูรณาการข้อมูลปราบ “โจรออนไลน์”
"กนก" โพสต์แฟนข่าว "ท็อปนิวส์" เต็มอิ่ม สนุกสุดทัวร์ย้อนประวัติศาสตร์ "ลั่วหยาง-ซีอาน"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น